) คำอธิบายและการวิเคราะห์ผลการดำเนินงาน งวดปีสิ้นสุด 31 ธค. 51

ส่วนของโครงการ PQI ที่จ่ายเป็นเงินสดไปจำนวน 6,840 ล้านบาท - ใช้เงินสดไปลงทุนในสินทรัพย์อื่นๆจำนวน 518 ล้านบาท ได้แก่ การลงทุนประเภทเงินฝากประจำ และตั๋วเงินระยะสั้นจำนวน 359 ล้านบาท จ่ายลงทุนในบริษัท บางจากไบโอฟูเอล 79 ล้านบาท และ บริษัทเหมืองแร่โปแตช 80 ล้านบาท - ได้รับคืนเงินค้ำประกันการทำธุรกรรม Oil Hedging จำนวน 396 ล้านบาท และได้เงินสดจาก กิจกรรมลงทุนอื่นอีก 103 ล้านบาท 3) บริษัทฯ ได้เงินสดจากกิจกรรมจัดหาเงิน 4,167 ล้านบาท ได้แก่ - กู้เงินระยะสั้นเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนจำนวน 390 ล้านบาท - สุทธิเบิกเงินกู้ระยะยาวจำนวน 4,113 ล้านบาท เป็นการเบิกสำหรับโครงการ PQI 4,659 ล้านบาท และชำระคืนเงินกู้ระยะยาวจำนวน 546 ล้านบาท - จ่ายเงินปันผลสำหรับผลประกอบการปี 2550 ให้ผู้ถือหุ้นไปจำนวน 336 ล้านบาท (จำนวน 1,119 ล้านหุ้น ปันผลหุ้นละ 0.30 บาท) ดังนั้น ณ สิ้นปี 2551 บริษัทฯ มีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดคงเหลือจำนวน 1,495 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินสด สำหรับเงินทุนโครงการ PQI จำนวน 187 ล้านบาท และสำหรับใช้ดำเนินงานทั่วไปจำนวน 1,308 ล้านบาท 4. การวิเคราะห์อัตราส่วนทางการเงินสำหรับปี 2551 เทียบกับปี 2550 ปี 2551 ปี 2550 อัตราส่วนสภาพคล่อง (Liquidity Ratio) อัตราส่วนสภาพคล่อง (Current Ratio) เท่า 1.8 1.8 อัตราส่วนสภาพคล่องหมุนเร็ว (Quick Ratio) เท่า 1.1 1.0 อัตราส่วนหมุนเวียนลูกหนี้การค้า (Receivable Turnover) เท่า 27.2 23.3 ระยะเวลาเก็บหนี้เฉลี่ย (Collection Period) วัน 13.5 15.7 อัตราส่วนหมุนเวียนสินค้าคงเหลือ (Inventory Turnover) เท่า 14.8 8.9 ระยะเวลาขายสินค้าเฉลี่ย (Inventory Turnover Period) วัน 24.7 40.9 อัตราส่วนหมุนเวียนเจ้าหนี้ (Account Payable Turnover) เท่า 18.5 13.5 ระยะเวลาชำระหนี้ (Payment Period) วัน 19.7 27.1 Cash Cycle วัน 18.5 29.5 อัตราส่วนแสดงความสามารถในการหากำไร (Profitability Ratio) อัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) ร้อยละ -0.6 1.9 อัตรากำไรสุทธิไม่รวมผลกระทบจากสต๊อกน้ำมัน 1/ ร้อยละ 2.2 0.6 (Net Profit Margin excluded Inventory Effect) อัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (Return on Equity) ร้อยละ -3.7 8.8 อัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้นไม่รวมผลกระทบจากสต๊อกน้ำมัน 1/ ร้อยละ 13.6 2.9 (Return on Equity excluded Inventory Effect) อัตราส่วนแสดงประสิทธิภาพในการดำเนินงาน(Efficiency Ratio) อัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ (Return on Total Assets) ร้อยละ -1.7 4.3 อัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ไม่รวมผลกระทบจากสต๊อกน้ำมัน 1/ ร้อยละ 6.4 1.4 (Return on Total Assets excluded Inventory Effect) อัตราการหมุนของสินทรัพย์ (Assets Turnover) เท่า 2.9 2.3 อัตราส่วนวิเคราะห์นโยบายทางการเงิน (Financial Policy Ratio) อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนผู้ถือหุ้น (Debt / Equity) 2/ เท่า 0.8 0.5 Debt / Equity (รวมหุ้นกู้แปลสภาพ) 3/ เท่า 0.6 0.4 หมายเหตุ : คำนวณจากงบการเงินรวม 1/ คำนวณเพื่อการวิเคราะห์กรณีไม่รวมผลกระทบทั้งกำไรและขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันสุทธิภาษีในอัตราร้อยละ 30 2/ คำนวณจากหนี้สินเฉพาะส่วนที่มีค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย 3/ รวมหุ้นกู้แปลงสภาพไว้ในส่วนของผู้ถือหุ้น 5. ปัจจัยและอิทธิพลหลักที่อาจมีผลกระทบต่อการดำเนินงานหรือฐานะการเงินในอนาคต โครงการปรับปรุงคุณภาพน้ำมัน (PQI) ปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อผลการดำเนินงานของบริษัทฯซึ่งดำเนินธุรกิจน้ำมัน คือค่าการตลาดและค่าการกลั่น ใน ส่วนของค่าการตลาดจะได้รับผลกระทบจากความผันผวนของราคาน้ำมัน ซึ่งส่งผลต่อการปรับราคาขายปลีกเนื่องจาก การขึ้นลงของราคาขายปลีกดังกล่าวทำได้ล่าช้ากว่าต้นทุนจริงที่เกิดขึ้น เมื่อพิจารณาในส่วนของค่าการกลั่น จากการที่ โรงกลั่นของบริษัทฯ เป็นโรงกลั่นประเภท Simple Refinery จึงมีสัดส่วนผลิตภัณฑ์น้ำมันเตามากเมื่อเปรียบเทียบกับ โรงกลั่นประเภท Complex Refinery โดยน้ำมันเตามีราคาต่ำกว่าราคาน้ำมันดิบ ทำให้ค่าการกลั่นของบริษัทฯถูกจำกัด ไว้ บริษัทฯจำเป็นต้องหาแนวทางการลดสัดส่วนการผลิตน้ำมันเตาในระยะยาว เพื่อเพิ่มค่าการกลั่นให้อยู่ในระดับที่ ทัดเทียมกับอุตสาหกรรม ดังนั้นบริษัทฯ จึงได้ดำเนินโครงการปรับปรุงคุณภาพน้ำมัน (PQI) โดยการก่อสร้างหน่วย แตกตัวโมเลกุลน้ำมัน (Cracking Unit) และหน่วยอื่นๆ ซึ่งจะทำให้โรงกลั่นของบริษัทฯเปลี่ยนเป็นโรงกลั่นประเภท Complex Refinery ซึ่งสามารถลดสัดส่วนการผลิตน้ำมันเตาให้อยู่ในระดับใกล้เคียงกับโรงกลั่นอื่นๆ ทั้งในประเทศและ ต่างประเทศ บริษัทฯคาดว่าโครงการดังกล่าวจะสามารถเริ่มการผลิตเชิงพาณิชย์ได้ตั้งแต่ไตรมาส 1 ปี 2552 และคาด ว่าจะทำให้บริษัทฯสามารถเพิ่ม EBITDA จากระดับเฉลี่ยปีละ 2,000-4,000 ล้านบาท เป็นประมาณ 6,000-8,000 ล้าน บาท หลังจากที่โครงการดำเนินการแล้วเสร็จสมบูรณ์และดำเนินการผลิตอย่างเต็มที่ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับภาวะราคาน้ำมัน ณ ขณะนั้นๆ โครงการ PQI มีมูลค่าการลงทุนรวมเงินลงทุนสำรองกรณีมีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการ (Contingency Reserve) ทั้งสิ้น 15,369 ล้านบาท หรือคิดเป็นประมาณ 378 ล้านเหรียญสหรัฐ สัญญาก่อสร้าง โครงการ PQI นี้เป็นลักษณะราคาก่อสร้างคงที่ มีกำหนดเวลาก่อสร้างที่แน่นอน และรับประกันผลงาน โดยบริษัทฯได้ จัดจ้าง บริษัท CTCI Overseas Corporation Limited และ CTCI (Thailand Co., Ltd.) เป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง ในส่วน ของการจัดหาเงินทุนสำหรับโครงการดังกล่าวได้ดำเนินการแล้วเสร็จครบถ้วนตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม 2549 ขณะนี้ งานก่อสร้างได้แล้วเสร็จ อยู่ระหว่างการดำเนินงานเตรียมความพร้อมเพื่อการทดสอบอุปกรณ์และหน่วยผลิต 3 หน่วย หลัก ได้แก่ หน่วยกลั่นสุญญากาศ (Vacuum Distillation Unit - VDU) หน่วยผลิตไฮโดรเจน (Hydrogen Plant Unit - HPU) และหน่วยแตกโมเลกุล (Hydro-cracking Unit - HCU) บริษัทฯ คาดว่าจะสามารถทดสอบระบบเป็นที่เรียบร้อย และสามารถเริ่มผลิตในเชิงพาณิชย์ได้ภายในเดือนมีนาคม 2552 อัตราแลกเปลี่ยน ปัจจัยอีกประการหนึ่งที่อาจมีผลต่อผลการดำเนินงานและฐานะการเงินในอนาคตของบริษัทฯคือ ความผันผวน ของอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากในการซื้อและขายน้ำมันนั้นบริษัทฯ จะบันทึกรายการเจ้าหนี้การค้าและรายการลูกหนี้ การค้าโดยมีการอ้างอิงราคาอยู่กับสกุลเงินเหรียญสหรัฐ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนจะส่งผลต่อมูลค่าของ สินทรัพย์สุทธิ และส่งผลกระทบต่อกำไร (Margin) ของบริษัทฯ ด้วย โดยปัจจุบันนอกจากบริษัทฯ ได้ดำเนินการทำ ประกันความเสี่ยงโดยใช้เครื่องมือทางการเงินที่มีอยู่ในตลาดแล้วบางส่วน อีกทั้งเมื่อบริษัทฯ ได้ปรับโครงสร้างเงินกู้ ใหม่เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2551 แล้ว บริษัทฯ ยังได้ดำเนินการเปลี่ยนเงินกู้สกุลเงินบาทให้เป็นเงินกู้สกุลเหรียญสหรัฐฯ (Cross Currency Swap) มูลค่าประมาณ 200 ล้านเหรียญสหรัฐ ตามนโยบายที่จะปรับสัดส่วนสินทรัพย์และหนี้สินที่อยู่ ในรูปสกุลเงินเหรียญสหรัฐ ให้อยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกัน และสมดุลกับรายได้ (Natural Hedge) รวมทั้งสัญญาเงินกู้ฉบับ ใหม่ยังให้ความคล่องตัวในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนให้มีประสิทธิภาพได้มากยิ่งขึ้น โครงสร้างเงินกู้ เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2551 บริษัทได้ทำการปรับโครงสร้างเงินกู้โดยการจัดหาเงินกู้ยืมใหม่ทดแทนเงินกู้เดิม (Refinance) โดยทำสัญญาเงินกู้กับธนาคารภายในประเทศ 4 แห่ง และธนาคารต่างประเทศ 2 แห่ง วงเงินรวม 23,734 ล้านบาท ประกอบด้วย - วงเงินกู้ระยะยาว 16,500 ล้านบาท เพื่อจ่ายชำระคืนเงินกู้ภายใต้สัญญาให้สินเชื่อกับธนาคารกรุงไทยและ สัญญาให้สินเชื่อโครงการ PQI รวมทั้งเพื่อชำระค่าก่อสร้าง ค่าใช้จ่ายส่วนหนึ่งของโครงการ EURO IV และ โครงการด้านพลังงานอื่นๆ - วงเงินกู้ระยะสั้น 7,234 ล้านบาท เพื่อใช้ในการดำเนินงานทั่วไป ในการให้ได้มาซึ่งเงินกู้ใหม่ครั้งนี้ บริษัทฯจะต้องชำระค่าธรรมเนียมจากการคืนเงินกู้ก่อนกำหนดรวม ค่าธรรมเนียมการยกเลิกการใช้สินเชื่อของเงินกู้เดิม จำนวน 174 ล้านบาท ซึ่งบันทึกเป็นค่าใช้จ่ายในปี 2551 ทั้ง จำนวน และค่าใช้จ่ายในการจัดหาเงินกู้ใหม่จำนวน 128 ล้านบาท ซึ่งบันทึกเป็นค่าใช้จ่ายรอตัดจ่ายแทนที่ค่าใช้จ่ายใน การกู้เงินรอตัดบัญชีของวงเงินกู้เดิมจำนวน 68 ล้านบาท โดยได้รับประโยชน์ ดังนี้ 1. ขยายระยะเวลาการคืนเงินกู้จากเดิม 7 ปีเป็น 9 ปี และมีสัดส่วนการชำระคืนเงินต้นต่ำในช่วง 5 ปีแรก เพื่อ เพิ่มสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจและเพิ่มโอกาสในการลงทุนในอนาคต 2. เพิ่มความสามารถในการบริหารความเสี่ยงทางการเงินให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ได้แก่ การเปลี่ยนอัตรา ดอกเบี้ยลอยตัวเป็นอัตราดอกเบี้ยคงที่ (Interest Rate Swap) และสามารถปรับเปลี่ยนเงินกู้สกุลบาทให้เป็น เงินกู้สกุลเหรียญสหรัฐฯ (Cross Currency Swap) ได้ ซึ่งบริษัทฯ จะพิจารณาการบริหารความเสี่ยงด้านอัตรา ดอกเบี้ยรวมถึงอัตราแลกเปลี่ยนในระดับที่เหมาะสมต่อไป 3. ผลประโยชน์จากการปรับรูปแบบเงินกู้เป็นแบบไม่มีหลักประกัน และเงื่อนไขต่างๆ ให้เหมาะสม เพื่อรองรับ การจัดหาเงินทุน หรือเงินกู้เพิ่มเติม สำหรับการลงทุนโครงการใหม่ในอนาคต การให้ส่วนลดราคาน้ำมันดีเซล จากที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ครั้งที่ 6/2551 วันที่ 29 พฤษภาคม 2551 ได้เห็นชอบการให้ส่วนลดราคา น้ำมันดีเซล ที่จำหน่ายให้กับกลุ่มลูกค้าเฉพาะ 3 กลุ่ม ได้แก่ ผู้ประกอบกิจการรถโดยสารขนส่งสาธารณะ ผู้ประกอบการ ประมง และกลุ่มเกษตรกร เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากปัญหาราคาน้ำมันแพง และเพื่อให้เกิดการบริโภค ภายในประเทศได้อย่างต่อเนื่อง ไม่มีเหตุหยุดชะงักอันอาจทำให้มีผลกระทบต่อการผลิตของบริษัทฯในระยะยาว ในอัตรา ไม่เกิน 3 บาทต่อลิตร ในช่วงเวลาไม่เกิน 6 เดือน(มิถุนายน-พฤศจิกายน 2551) รวมเป็นจำนวนเงินไม่เกิน 261 ล้านบาท ทั้งนี้หากในช่วงระยะเวลา 6 เดือนนี้ บริษัทฯประสบปัญหาขาดทุนหรือปัญหาในการดำเนินธุรกิจ หรือทำให้บริษัทฯ ผิด เงื่อนไขต่อเจ้าหนี้ เงินกู้ยืม หรือหุ้นกู้ หรือตราสารหนี้ บริษัทฯ สามารถหยุดการให้ความช่วยเหลือได้ทันที ทั้งนี้การให้ ความช่วยเหลือดังกล่าวได้สิ้นสุดไปแล้วเมื่อเดือนพฤจิกายน 2551 ซึ่งบริษัทฯ ได้ให้ส่วนลดไปทั้งสิ้นรวม 10 ล้านบาท