ชี้แจงผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2547

ที่ 1000 / 264 / 2547 29 กันยายน 2547 เรื่อง นำส่งงบการเงินก่อนสอบทาน และชี้แจงผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2547 เรียน กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สิ่งที่ส่งมาด้วย 1. งบการเงินก่อนสอบทานไตรมาส 3 ปี 2547 ฉบับภาษาไทย 1 ฉบับ 2. งบการเงินก่อนสอบทานไตรมาส 3 ปี 2547 ฉบับภาษาอังกฤษ 1 ฉบับ ตามที่บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) ได้มีการ จัดส่งงบการเงินก่อนสอบทานและก่อนตรวจสอบตามแนวทางการนำส่งงบการเงิน ก่อนสอบทานและก่อนตรวจสอบโดยผู้สอบบัญชี ของตลาดหลักทรัพย์ แห่งประเทศไทย นั้น บริษัทฯ ใคร่ขอนำส่งงบการเงินก่อนสอบทานโดยผู้สอบบัญชี สำหรับไตรมาส 3 ปี 2547 สิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2547 และขอชี้แจง ผลการดำเนินงานเพิ่มเติม เนื่องจากมีผลกำไรขาดทุนเปลี่ยนแปลงจากงวด เดียวกันของปีก่อนเกินร้อยละ 20 ดังนี้ บริษัทฯ มีรายได้รวม 20,816 ล้านบาท มีกำไรก่อนหักดอกเบี้ยและค่า เสื่อมราคา (EBITDA) +1,542 ล้านบาท มีดอกเบี้ยจ่ายสุทธิ (หักลบ ดอกเบี้ยรับ) 180 ล้านบาท มีค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย 183 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทฯ มีผลกำไรสุทธิ 1,186 ล้านบาท (ช่วงเดียวกันปี 2546 มีผลกำไรสุทธิ 120 ล้านบาท) ผลการดำเนินการดังกล่าวมีสาเหตุมาจาก ปัจจัยดัง ต่อไปนี้ 1.1 ค่าการกลั่น (ไม่รวมผลกำไรจากสต๊อกน้ำมัน) อยู่ที่ระดับ 1.26 $/BBL ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน 0.15 $/BBL เนื่องจากใน ช่วงเดือนสิงหาคม 2547 ราคาน้ำมันดิบได้ปรับตัวสูงขึ้นอย่าง รวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งน้ำมันดิบทาปีส ที่บริษัทฯ ใช้เป็น วัตถุดิบในการผลิตร้อยละ 40 ของน้ำมันดิบที่ใช้ทั้งหมด ส่งผล ให้ต้นทุนวัถตุดิบของบริษัทฯ ปรับตัวสูงขึ้นอย่างมาก นอก จากนี้ ราคาผลิตภัณฑ์ก็ปรับตัวขึ้นไม่สอดคล้องกับราคาน้ำมัน ดิบที่ปรับเพิ่มสูงขึ้น จากปัจจัยดังกล่าวข้างต้นส่งผลให้ค่า การกลั่นในไตรมาส 3 อยู่ในระดับต่ำกว่าปกติ แต่อย่างไรก็ ตามจากการที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกสูงขึ้นก็ส่งผลให้บริษัทฯ มีกำไรจากสต๊อกน้ำมัน 1,414 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับ ช่วงเดียวกันปี 2546 ที่มีกำไรจากสต๊อกน้ำมันจำนวน 229 ล้านบาท ในไตรมาส 3 ปี 2547 บริษัทฯ ได้เพิ่มปริมาณการกลั่นขึ้นไป อยู่ที่ระดับ 89 KBD เท่ากับเป้าหมายที่วางไว้ โดยเพิ่มขึ้นจาก ช่วงเดียวกันปีก่อน 10 KBD ทั้งนี้ จากการที่บริษัทฯ ได้มีการ หยุดซ่อมแซมอุปกรณ์ในหน่วย Catalytic Reforming Unit เป็นเวลาประมาณ 8 วัน มิได้ส่งผลกระทบต่อการใช้กำลังกลั่น แต่อย่างใด เนื่องจากบริษัทฯ ได้นำน้ำมันคงคลังมาจำหน่าย และเพิ่มปริมาณการกลั่นในช่วงหลังจากดำเนินการติดตั้ง อุปกรณ์สำรองแล้วเสร็จเพื่อชดเชยปริมาณการกลั่นที่ลดลง อนึ่ง เพื่อแก้ไขปัญหาค่าการกลั่นอยู่ในระดับต่ำจากการใช้น้ำ มันดิบทาปีสที่ราคายังคงอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง บริษัทฯ ได้เร่งดำเนินการลดสัดส่วนการใช้น้ำมันดิบทาปีสลง โดยจัด หาน้ำมันดิบจากแหล่งอื่นที่มีคุณภาพใกล้เคียงแต่ราคาต่ำกว่า มาทดแทน ซึ่งจะส่งผลทำให้ค่าการกลั่นในไตรมาสที่ 4 ปรับ ตัวดีขึ้น 1.2 ไตรมาสที่ 3 ปี 2547 บริษัทฯ มีค่าการตลาด (ไม่รวมน้ำมัน เครื่องบิน) อยู่ที่ระดับ 37 สตางค์ต่อลิตร ใกล้เคียงกับช่วง เดียวกันปีก่อนซึ่งอยู่ที่ระดับ 31 สตางค์ต่อลิตร ทั้งนี้เป็นผล มาจากในช่วงฤดูฝนซึ่งเป็นช่วง Low Season นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังคงได้รับผลกระทบจากสูตรราคาขายน้ำมันเครื่อง บินจำนวน 109 ล้านบาท เนื่องจากสูตรราคาขายน้ำมันเครื่อง บินที่บริษัทขายให้กับลูกค้า จะใช้ราคาน้ำมันเครื่องบินเฉลี่ย เดือนก่อนหน้า ในขณะที่ต้นทุนขายที่ธุรกิจการตลาดซื้อจาก ธุรกิจโรงกลั่นเป็นราคาน้ำมันเครื่องบินในเดือนส่งมอบนั้นๆ ส่งผลให้ในช่วงที่ราคาน้ำมันเครื่องบินมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น การ จำหน่ายน้ำมันเครื่องบินให้มีผลขาดทุน แต่ในทางกลับกันหาก เป็นช่วงที่ราคาน้ำมันเครื่องบินมีแนวโน้มลดลง การจำหน่าย น้ำมันเครื่องบินก็จะมีกำไรมากเช่นกัน 1.3 ในไตรมาส 3 ปี 2547 บริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายในการขายและ บริหาร 358 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 42 ล้านบาท มีสาเหตุหลักมาจากค่าขนส่งที่เพิ่มขึ้นจากปริมาณการ จำหน่ายที่เพิ่มขึ้น 1.4 ในไตรมาส 3 ปี 2547 บริษัทฯ มีดอกเบี้ยจ่าย 183 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน 94 ล้านบาท เป็นผลจากการ Refinance หุ้นกู้เดิมส่วนใหญ่ด้วยเงินทุนใหม่ที่ได้จากการ ปรับโครงสร้างการเงิน นอกจากนี้ บริษัทฯ มีดอกเบี้ยรับ 3 ล้านบาท ลดลง 5 ล้านบาท จากการที่บริษัทฯ ได้รับวงเงินกู้ จากธนาคารพาณิชย์เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนตามแผนการ ปรับโครงสร้างการเงิน บริษัทฯ จึงไม่มีความจำเป็นต้องถือเงิน สดเป็นจำนวนมากเพื่อเตรียมไว้ชำระค่าน้ำมันดิบ จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ ขอแสดงความนับถือ (นายปฏิภาณ สุคนธมาน) รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานด้านบัญชีและการเงิน สำนักแผนกิจการและนักลงทุนสัมพันธ์ โทร. 0 -2335-4583