งบการเงินหลังสอบทานและชี้แจงผลการดำเนินงานไตรมาสสามปี 2545

ที่ 1600 / 100 / 2545 14 พฤศจิกายน 2545 เรื่อง นำส่งงบการเงินหลังสอบทานและชี้แจงผลการดำเนินงาน ไตรมาสสาม ปี 2545 เรียน กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สิ่งที่ส่งมาด้วย 1. งบการเงินหลังสอบทาน ไตรมาสสาม ฉบับภาษาไทย 1 ฉบับ 2. งบการเงินหลังสอบทาน ไตรมาสสาม ฉบับภาษาอังกฤษ 1 ฉบับ ตามข้อบังคับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เรื่อง การจัดทำและส่ง งบการเงินและรายงานเกี่ยวกับฐานะการเงินและผลการดำเนินงานของบริษัท จดทะเบียน พ.ศ. 2544 ที่กำหนดให้บริษัทจดทะเบียนจัดทำและส่งงบการเงิน รายไตรมาสที่ผู้สอบบัญชีได้สอบทานแล้ว โดยให้จัดส่งภายใน 45 วัน นับแต่ วันสุดท้ายของแต่ละไตรมาส และตามแนวทางการนำส่งงบการเงินก่อนสอบทานและ ก่อนตรวจสอบโดยผู้สอบบัญชี ที่ได้กำหนดไว้ว่าในกรณีที่ปรากฏผลต่าง ที่สำคัญ (20%) ระหว่างตัวเลขก่อนสอบทานหรือก่อนตรวจสอบกับตัวเลขที่ผ่าน การสอบทานหรือตรวจสอบจากผู้สอบบัญชี ให้ฝ่ายบริหารของบริษัทจดทะเบียน ร่วมกับผู้สอบบัญชีชี้แจงสาเหตุของความแตกต่างที่เกิดขึ้น โดยนำส่ง พร้อมกับงบการเงินฉบับที่ผ่านการสอบทานหรือตรวจสอบ นั้น บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) จึงใคร่ขอนำส่งงบการเงิน หลังสอบทาน โดยผู้สอบบัญชี สำหรับไตรมาสสาม สิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2545 และขอชี้แจงผลการดำเนินงานเพิ่มเติม เนื่องจากมีผลกำไรขาดทุน เปลี่ยนแปลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนเกินร้อยละ 20 รวมทั้งมีผลขาดทุน ต่างจากที่บริษัทฯ ได้รายงานไว้ตามงบการเงินก่อนสอบทานเกินกว่าร้อยละ 20 ดังนี้ ผลการดำเนินงานไตรมาสที่สามปี 2545 บริษัทฯ มีรายได้รวม 14,002 ล้านบาท โดยมีผลกำไรก่อนหักดอกเบี้ยและค่าเสื่อมราคา (EBITDA) +454 ล้านบาท มีขาดทุนจากการดำเนินงาน (ไม่รวมกำไร/ขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน) 20 ล้านบาท และมีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 167 ล้านบาท ทำให้มีขาดทุนสุทธิรวม 187 ล้านบาท โดยขาดทุนสุทธิลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนถึง 658 ล้านบาท (ไตรมาสที่สามปี 2544 มีผลขาดทุนสุทธิ 845 ล้านบาท) ทั้งนี้เป็นผลมาจาก 1.ด้านการจำหน่าย บริษัทฯ มียอดจำหน่ายตลาดค้าปลีกและอุตสาหกรรม เฉลี่ยในไตรมาสนี้ เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.1 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากการปรับปรุงภาพลักษณ์และการบริการของสถานีบริการน้ำมัน และร้านสะดวกซื้อ ให้เป็นที่พอใจสูงสุดแก่ผู้บริโภค นอกจากนั้น บริษัทฯ ยังได้มีการพัฒนาและออกผลิตภัณฑ์น้ำมันเตาใหม่คือ น้ำมันเตากากคาร์บอนต่ำ ซึ่งมีคุณภาพสะอาด เมื่อเผาไหม้แล้ว จะมีปริมาณกากคาร์บอนต่ำกว่าน้ำมันเตา ทั่วไป ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษากระบวนการผลิตของ โรงงานอุตสาหกรรม และลดปัญหามลภาวะทางอากาศด้วย 2.ด้านการผลิต ในไตรมาสนี้ บริษัทฯ สามารถใช้กำลังกลั่นได้เพิ่มขึ้น ประมาณร้อยละ 5.4 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และยังคงขยาย ความร่วมมือกับบริษัทน้ำมันอื่น ในการลดต้นทุนและการเพิ่มรายได้ รวมทั้ง ความพยายามปรับปรุงประสิทธิภาพโรงกลั่นอย่างต่อเนื่อง ในไตรมาสนี้บริษัทฯ มีผลขาดทุนสุทธิรวม 187 ล้านบาท อันเนื่องมาจาก สาเหตุหลักของการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งเป็นผลมาจากค่าเงินบาทท อ่อนตัวลงประมาณ 1.80 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. เมื่อเทียบกับต้นงวดไตรมาส ที่ทำให้บริษัทฯ มีภาระเงินกู้และหนี้การค้าที่เป็นเงินตราต่างประเทศเพิ่มสูงขึ้น และผลขาดทุนสุทธิดังกล่าวสูงกว่าในงบการเงินก่อนสอบทานของบริษัทฯ ที่ได้รายงานไว้ว่า มีผลขาดทุนสุทธิ 99 ล้านบาท โดยขาดทุนเพิ่มขึ้น 88 ล้านบาท นั้น เนื่องมาจากบริษัทฯ มีภาระดอกเบี้ยจ่าย เพิ่มจากค่าธรรมเนียม การชำระคืนเงินกู้ก่อนครบกำหนดให้แก่ธนาคารโลก โดยกระทรวงการคลังได้อนุมัติ และจะเป็นผู้จัดหาเงินกู้ระยะยาวสกุลเงินบาทมาทดแทน เพื่อจะช่วยลดภาระ ดอกเบี้ยและลดความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งเดิมบริษัทฯ ได้ยื่นขอยกเว้นค่าธรรมเนียมดังกล่าวกับธนาคารโลกไว้ ผ่านกระทรวงการคลัง แต่เพิ่งได้รับทราบจากกระทรวงฯ ว่า ธนาคารโลกไม่อนุมัติ ดังนั้นบริษัทฯ จึงได้ดำเนินการแก้ไขงบการเงินในไตรมาส 3 และ ทั้งนี้ การดำเนินการ ดังกล่าว กระทรวงการคลังได้จัดหาเงินกู้ระยะสั้นภายใต้ EURO COMMERCIAL PAPER PROGRAMME (ECP) จำนวน 35 ล้านดอลลาร์ สรอ. เป็น BRIDGE FINANCING ซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยเพียงร้อยละ 1.78 ต่อปี เป็นผลให้บริษัทฯ สามารถลดดอกเบี้ย เงินกู้ในส่วนนี้ได้ถึงปีละประมาณ 85 ล้านบาท จึงเรียนมาเพื่อทราบ ขอแสดงความนับถือ (นายโชคชัย อัศวรังสฤษฎ์) ผู้จัดการสำนักแผนกิจการ สำนักแผนกิจการ โทร. 0 -2335-4583