ข่าวแจ้งตลาดหลักทรัพย์
ข่าวการพิจารณาของ คกก. กำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ กระจายหุ้น
ที่ 1600/038/2541
วันที่ 19 มิถุนายน 2541
เรื่อง ข่าวการพิจารณาของ คกก.กำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ
เรื่องการกระจายหุ้นบริษัทบางจากฯ
เรียน กรรมการและผู้จัดการ
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ตามที่ปรากฏข่าวในสื่อและหนังสือพิมพ์หลายฉบับ เมื่อวันที่ 18 และ19 มิถุนายน 2541
เกี่ยวกับการพิจารณาของคณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจในเรื่องแนวทางการกระจาย
หุ้นบริษัท บางจากฯ นั้น
ปรากฏว่านักลงทุนและผู้ถือหุ้นรายย่อยหลายราย ได้สอบถามข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าว
จากบริษัทฯ ดังนั้น เพื่อให้ความกระจ่างแก่นักลงทุนและผู้ถือหุ้นรายย่อยทั่วไป บริษัทฯ ขอเรียนว่า
บริษัทฯ ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังให้ทำหนังสือเสนอเรื่องความเป็นมาและ
การศึกษาทางเลือกเบื้องต้นหลาย ๆ ทางในการกระจายหุ้นบางจากฯ ให้ประชาชน องค์กร และ
ผู้ลงทุนรายย่อยต่างชาติ (INVESTORS) และได้เห็นชอบให้ใช้เสนอหารือในคณะกรรมการกำกับนโยบาย
ด้านรัฐวิสาหกิจ ซึ่งมีเนื้อหาโดยสรุป ดังนี้
1. ประเด็นการพิจารณาการกระจายหุ้นบริษัท บางจากฯ ขึ้นอยู่กับการที่จะให้ต่างชาติ
เป็นผู้ลงทุนรายย่อย หรือให้ต่างชาติเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ซึ่งขึ้นอยู่กับจะให้บางจากฯ
ยังคงเป็นประโยชน์ต่อคนไทย หรือทำประโยชน์ให้ต่างชาติในระยะต่อไป
2. บริษัท บางจากฯ (มหาชน) ตั้งขึ้นโดยรัฐบาล ฯพณฯ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์
เป็นบริษัทของกระทรวงการคลังเพื่อเข้าซื้อกิจการน้ำมันที่เดิมเป็นของต่างชาติ
(ซัมมิท) ซึ่งได้สร้างผลเสียหายและการขาดทุนแก่ประเทศเมื่อ 13 ปีก่อน หลังจาก
นั้นบริษัท บางจากฯ ได้สร้างประสิทธิภาพแข่งขันแก้ปัญหาสำเร็จ และมีผลดำเนินงาน
ปกติที่มีกำไรตั้งแต่ปีแรกตลอดมา รวมทั้งมีประสิทธิภาพสิ่งแวดล้อมที่ดี ฯพณฯ พลเอกเปรม
ติณสูลานนท์ ได้ให้ความสำคัญที่จะต้องร่วมช่วยแก้ปัญหาความยากจนในชนบทซึ่งได้เป็น
วัฒนธรรมของบริษัทฯ ตลอดมา โดยเป็นบริษัทไทยที่เป็นภูมิคุ้มกันให้เศรษฐกิจของชุมชน
3. บริษัท บางจากฯ ได้ร่วมทุนในบริษัท มงคลชัยพัฒนาฯ และบริษัทฯ ได้เติบโตขยาย
ตลาดร่วมกับองค์กรชุมชนทั่วประเทศ 600-700 ชุมชน (สมาชิกมากกว่า 1 ล้าน
ครัวเรือน) โดยชุมชนเข้าลงทุนเป็นเจ้าของตลาดปั๊มน้ำมันบางจาก รถขนส่ง ร้านค้า
ขนาดเล็กและใหญ่ ขายสินค้าจากชุมชนและโครงการหลวงเพื่อแก้ปัญหาความยากจน
การว่างงาน โดยพึ่งตนเอง องค์กรชุมชนจะสามารถจ่ายภาษีได้ ขณะนี้กำลังเร่ง
ขยายจำนวนอย่างได้ผลเพื่อร่วมแก้ปัญหาการว่างงานตามนโยบายรัฐบาล
การร่วมกับองค์กรชุมชนทำการค้าเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับกิจการบริษัทฯ นี้
ได้ดำเนินมานานกว่า 8 ปี มีประสิทธิภาพสูงภายใต้นโยบายจากคณะกรรมการบริษัทฯ
และปรากฎว่าบริษัทฯ มีผลดำเนินการดีกว่าโดยเฉลี่ยของกิจการชนิดเดียวกันของต่างชาติ
4. คณะรัฐมนตรีได้เคยมีมติเมื่อ 17 ตุลาคม 2538 ให้กระจายหุ้นบางจากฯ อีก 31%
(ส่วนของ ปตท. 24% และของคลังไม่น้อยกว่า 7%) ให้ประชาชน (ราคาตลาดเพียง
ประมาณ 1,600 ล้านบาท และราคาทุนเดิม 10 บาท/หุ้น) เมื่อวันที่ 16 กันยายน
2540 คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้ขายหุ้น บางจากฯ ให้ STRATEGIC INVESTOR โดยให้
หน่วยงานไปจัดทำรายละเอียด
5. การจะรักษากิจการตราบางจากฯ ไว้ และใช้บริษัท บางจากฯ เป็นกลไกช่วยรัฐบาล
สร้างงานในชนบท ที่ยากจนและแก้ปัญหาการว่างงานของชนบทตามนโยบายรัฐบาล
แผนพัฒนาฉบับที่ 8 และ กนภ. ต่อไปนั้น จำเป็นต้องมีการกระจายหุ้นตามนโยบายรัฐบาล
โดยมีผู้ถือหุ้นเป็นประชาชนมากกว่า 50% มีกระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ และมี
ผู้ลงทุนต่างชาติรายย่อยรายละไม่เกิน 5%,(INVESTORS) ตามนโยบายเดิมของรัฐบาล
6. ขณะนี้ บริษัทฯ ได้รับข้อมูลจากการสำรวจเร่งด่วนตามความประสงค์ของกระทรวง
การคลัง พบว่าประชาชน องค์กร ชุมชนไทยในต่างประเทศ บุคคลสำคัญมากกว่า
139,175 ราย สนใจจะซื้อหุ้น บางจากฯ
ราย จำนวนหุ้น รวม % หุ้นทั้งหมด
วันที่ 4-27 พ.ค. 41 113,679 > 307 ล้าน 60
วันที่ 4 พ.ค.-12 มิ.ย 41 139,175 > 366 ล้าน 70
อย่างไรก็ตามยังมีผู้สนใจในประเทศและชุมชนต่างประเทศแจ้งจะซื้อหุ้นบางจากฯ
ทยอยเข้ามาต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทฯ ได้แจ้งว่าจะเปิดรับข้อมูลถึง 31 กรกฎาคม 2541
7. กระทรวงการคลังได้มอบหมายให้บริษัทฯ ศึกษาทางเลือกหนึ่งในการแปรรูปบริษัทฯ
ได้แก่การเพิ่มทุนกระจายหุ้นให้ประชาชนผู้สนใจถือหุ้นมากกว่า 50% ซึ่งจะต้อง
ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม
8. สำหรับที่ได้มีข้อเสนอให้ขายหุ้นบริษัท บางจากฯ ให้ต่างชาติเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ถึง
49% จะทำให้ต่างชาติเข้าครอบงำกิจการ และเกิดผลเสียต่อกิจการตลาดตรา
บางจากฯ รวมทั้งการร่วมทำเศรษฐกิจพอเพียงกับชุมชน เว้นแต่ทางราชการ
ต้องการขายหุ้นเพื่อวัตถุประสงค์อื่น
9. ทางเลือกในการแปรรูปบริษัท บางจากฯ จะเป็นข้อ 7 หรือข้อ 8
อย่างไรก็ตาม หากรัฐมีนโยบายให้บริษัทฯ เพิ่มทุน ตามข้อ 7 เพื่อใช้บางจากฯ
ร่วมแก้ปัญหาความยากจนในชนบทตามนโยบายของรัฐบาล บริษัทฯ ยังต้องดำเนินการในขั้นตอน
รายละเอียดผ่านคณะกรรมการบริษัทฯ เพื่อขออนุมัติที่ประชุมผู้ถือหุ้นต่อไป และต้องปฏิบัติตาม
หลักเกณฑ์ข้อกำหนดของคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และข้อบังคับของ
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งคาดว่าต้องใช้ระยะเวลานานพอสมควรกว่าจะเสร็จสิ้น ทั้งนี้
เมื่อมีความแน่ชัด บริษัทฯ จะเปิดเผยสารสนเทศแก่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อเผยแพร่
ต่อนักลงทุนและผู้ถือหุ้นรายย่อยต่อไป
จึงเรียนมาเพื่อทราบ
ขอแสดงความนับถือ
(นายระบิล พรพัฒน์กุล)
ผู้จัดการอาวุโสสำนักงานแผนกิจการ
สำนักงานแผนกิจการ
โทร 301-2842