บริษัท บางจากฯ เห็นด้วยกระจายหุ้น 31% ให้คนไทย

ที่ 1600/019/2541 30 มีนาคม 2541 เรื่อง บริษัท บางจากฯ เห็นด้วยกระจายหุ้น 31% ให้คนไทย เรียน กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ตามที่ปรากฎข่าวว่าจะมีการขายหุ้นบางจาก 72% ให้ต่างชาติรายเดียวเข้าครอบงำกิจการนั้น บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน)ฯ ใคร่ขอชี้แจงข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าวว่า ตามแผนกระทรวงการ คลังและมติ ครม. 2538 จนถึงปัจจุบันได้เห็นชอบให้แปรรูปบางจากโดยให้กระจายหุ้นบริษัทฯ ให้ประชาชน 31% ซึ่งจะทำให้สัดส่วนหุ้นภาคเอกชนเพิ่มจากปัจจุบันที่ 20% เป็นระดับ 51% โดยให้กระจายหุ้นในส่วนของ ปตท. ทั้งหมด 24% และของกระทรวงการคลังอีก 7% รวม 31% ให้แก่สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ บรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (IFCT) และประชาชนทั่วไป นอกจากนั้นในแผนแม่บทการเงิน การคลังเพื่อสังคม ได้กำหนดให้องค์กรชุมชนไทยได้ถือหุ้นบริษัท บางจากฯ ในขั้นต่อไปด้วย ซึ่งจะเป็นรูปแบบ หนึ่งของเศรษฐกิจพอเพียงของชุมชนไทยขนาดใหญ่ ในส่วนเงื่อนไขต่อ IMF ก็ได้กำหนดให้กระจายหุ้นบางจากให้ ภาคเอกชนไว้ด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตามในข้อบังคับของบริษัทฯ ในปัจจุบันได้กำหนดไว้ตามที่กระทรวงการคลัง เสนอให้ต่างชาติถือหุ้นบางจากได้ไม่เกิน 10% อนึ่ง ในขณะที่บริษัทฯ มียอดขายประมาณ 40,000 ล้านบาท แต่ หุ้นบางจากที่จะขายมีราคาเพียง 1,600 ล้านบาทเท่านั้น เนื่องจากตลาดหุ้นไทยทั่วไปมีราคาต่ำมากในปัจจุบัน จึงมี บริษัทน้ำมันต่างชาติต้องการซื้อบริษัทฯ นอกจากนั้นราคาที่จะขายให้ผู้ลงทุนต่างชาติกับผู้ลงทุนไทยจะต่างกันได้ เพียงระดับร้อยล้านบาทเท่านั้น บริษัทฯ เห็นด้วยกับการกระจายหุ้นอีก 31 % ให้คนไทยเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ดังกล่าว ทั้งนี้เพราะการ เป็นบริษัทไทยทำให้บริษัทฯ สามารถขยายตลาดภายใต้ตราบางจากของคนไทยได้อย่างรวดเร็ว สร้างผลตอบแทน ที่ดีแก่คนไทย นอกจากนี้การเป็นบริษัทไทยทำให้บางจากใกล้ชิดครอบครัวไทยสามารถร่วมกับคนไทยช่วยส่งเสริม ประชาธิปไตย ส่งเสริมการจัดทำรัฐธรรมนูญ แผนพัฒนาฉบับที่ 8 ส่งเสริมเสรีภาพของรายการสื่อที่เป็นประโยชน์ สิ่งแวดล้อม ฯลฯ รวมทั้งทำให้บริษัทฯ สามารถร่วมในการสร้างเศรษฐกิจรายได้ให้องค์กรชุมชนไทยมากกว่า 600 แห่ง ที่มีสมาชิกมากกว่า 1 ล้านคน ได้ร่วมเป็นเจ้าของกิจการ ร้านค้า รถขนส่ง ปั๊มน้ำมัน และผลิตสินค้า ของกินของใช้จากชุมชนนำมาขายในร้านค้าของบริษัทฯ ซึ่งช่วยสร้างรายได้ สร้างเศรษฐกิจพอเพียงให้แก่องค์กร ชุมชนในชนบท และในระยะต่อไปองค์กรชุมชนไทยก็จะมีโอกาสเข้าถือหุ้นบริษัทบางจากด้วยตนเองมากขึ้น ในปี 2541 นี้ บริษัทฯ อยู่ระหว่างการเร่งเพิ่มร้านค้าขนาดกลางพื้นที่ 400 - 600 ตารางเมตร จำนวนมาก เพื่อรับซื้อสินค้าจากองค์กรชุมชน 50 - 100 แห่งทั่วประเทศมาจำหน่าย เพื่อให้องค์กรชุมชนต่าง ๆ สามารถขยายกิจการรองรับคนว่างงานที่ยากจนและตกงานกลับบ้านได้อย่างกว้างขวาง และทำงานร่วมกับ โครงการ SOCIAL INVESTMENT FUND ของกระทรวงการคลังและธนาคารโลกช่วยแก้ปัญหาคนยากจน นอก จากนั้นบริษัทฯ มีแผนงานที่จะรณรงค์ส่งเสริมเรื่องธรรมรัฐ (GOOD GOVERNANCE) เรื่องเศรษฐกิจพอเพียง ให้ชุมชน เรื่องกฎหมายองค์กรชุมชน และสิ่งแวดล้อมตามรัฐธรรมนูญ รวมทั้งการทำงานด้านเด็กและครอบครัว บริษัทฯ พบว่าการร่วมสร้างสังคมไทยกับการขยายกิจการสามารถดำเนินการร่วมกันไปได้อย่างดีดังจะเห็นได้จาก ผลประกอบการของบริษัทฯ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ดีกว่าผลเฉลี่ยของกิจการเดียวกันทั่วไป อย่างไรก็ตาม ได้มีบริษัทน้ำมันต่างชาติรวมทั้งคูเวตพยายามจะซื้อบางจาก โดยการเข้าครอบงำกิจ การเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เพื่อใช้กิจการตลาดของบริษัทฯ ทำประโยชน์และรายได้ผ่านไปยังบริษัทของตนในต่าง ประเทศ ในเรื่องนึ้ถึงแม้ว่า รมว.คลัง คุณธารินทร์ นิมมานเหมินท์ จะได้มอบแนวทางให้บริษัทฯ ช่วยเหลือชน บทและคนว่างงาน แต่ได้มีผู้แทนการขายหุ้นและผู้บริหารด้านพลังงานของรัฐบางคนเสนอเร่งรัดให้ขายบางจาก ให้ต่างชาติรายเดียวเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ อันเป็นแนวทางที่ขัดแย้งกับการกระจายหุ้นให้ประชาชนและองค์กรชุมชน ตามที่กำหนดไว้เดิม ซึ่งเข้าใจว่าจะมีการพิจารณาความเหมาะสมรอบคอบอีกครั้ง บริษัทฯ มีความเห็นว่าต่างชาติ ควรเป็นผู้ลงทุนรายย่อยรวมไม่เกิน 20% บริษัทฯ เห็นว่าถ้ามีการดำเนินการขายบางจากให้บริษัทน้ำมันต่างชาติรายเดียวเข้าครอบงำกิจการ ก็ จะต้องเลิกตราบางจากของคนไทย จะทำให้บริษัทฯ ไม่สามารถดำเนินกิจการตราบางจากร่วมกับคนไทยและ ช่วยส่งเสริมสื่อส่งเสริมประชาธิปไตย ธรรมรัฐ ฯลฯ เช่นที่ผ่านมา ไม่สามารถช่วยชนบทและคนว่างงานเช่นเดิม รวมทั้งต้องมีค่าใช้จ่ายให้ต่างชาติมากขึ้น บริษัทฯ คาดว่าในเรื่องการกระจายหุ้นนี้กระทรวงการคลังจะพิจารณา ทางที่สมควรเป็นประโยชน์ต่อคนไทยส่วนใหญ่ต่อไป กล่าวโดยสรุป คือ บริษัทฯ เห็นด้วยกับการกระจายหุ้นอีก 31% ให้คนไทยมากที่สุดและให้ผู้ลงทุน รายย่อยต่างประเทศบางส่วนในขั้นต้น และให้องค์กรชุมชนไทยถือหุ้นบางจากในขั้นต่อไปตามมติ ครม. และแผน แม่บทกระทรวงการคลังที่กำหนดไว้เดิม ทั้งนี้เพื่อให้บริษัทฯ ยังคงเป็นบริษัทไทยทำการขยายตลาดตราบางจาก ช่วยเสริมรายได้องค์กรชุมชนไทยและคนว่างงานที่ยากจน รวมทั้งสามารถส่งเสริมกระบวนการประชาธิปไตยและ การมีส่วนร่วมของประชาชนที่เป็นประโยชน์ต่อไป บริษัทฯ เห็นว่าการขายบางจากให้ต่างชาติถือหุ้นใหญ่หรือ คูเวตปิโตรเลียมนั้นน่าจะเป็นแนวทางที่ไม่สมควร ถ้าคำนึงถึงประโยชน์ของคนไทยส่วนใหญ่ เนื่องจากหุ้นของรัฐทั้งหมด 80% ในบางจากเป็นของคนไทยเช่นกัน ดังนั้นประชาชนทั่วไปควรมี โอกาสให้ความเห็นว่า บริษัท บางจากฯ ควรขายให้เป็นบริษัทน้ำมันต่างชาติหรือควรเป็นบริษัทของคนไทย เพื่อ เอาไว้ช่วยการพัฒนาเศรษฐกิจพอเพียง ร่วมแก้ปัญหาความยากจน ทั้งนี้จะได้เป็นข้อมูลให้ผู้มีอำนาจหน้าที่ได้ใช้ พิจารณาดำเนินการ สำหรับบริษัท บางจากฯ เองไม่มีอำนาจในเรื่องนี้แต่อย่างใด จึงเรียนมาเพื่อทราบ ขอแสดงความนับถือ (นายระบิล พรพัฒน์กุล) ผู้จัดการอาวุโสสำนักงานแผนกิจการ สำนักงานแผนกิจการ โทร. 301-2842