หมายเหตุประกอบงบการเงินไตรมาสสาม ปี 2539

บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หมายเหตุประกอบงบการเงิน สำหรับไตรมาสที่สามและงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2539 1 การเปลี่ยนแปลงนโยบายการบัญชี 1.1 รายการบัญชีที่เป็นเงินตราต่างประเทศปรับมูลค่าเป็นเงินบาทตามอัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่เกิดรายการ ยอด ที่ยังคงค้างอยู่ ณ วันสิ้นงวดจะปรับมูลค่าเป็นเงินบาทตามอัตราแลกเปลี่ยนของธนาคารพาณิชย์ ณ วันเดียวกัน กำไรหรือขาด ทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่เกิดขึ้นถือเป็นรายได้หรือค่าใช้จ่ายในงวดบัญชีทั้งจำนวน ยกเว้นกำไรหรือขาดทุนจากการปรับมูลค่า เงินกู้ ณ วันสิ้นงวดและการปรับมูลค่าตามเงื่อนไขของสัญญาเงินกู้ระยะยาว ซึ่งใช้ในการก่อสร้างทรัพย์สินถือเป็นส่วนหนึ่งของ ต้นทุนงานระหว่างก่อสร้าง ในปีนี้บริษัทฯ ได้เปลี่ยนนโยบายการบัญชีในการรับรู้ผลกำไรหรือขาดทุนที่เกิดจากทั้งสองกรณีเมื่อ งานแล้วเสร็จ จากเดิมซึ่งถือเป็นรายการรอตัดบัญชี โดยแสดงรายการอยู่ในส่วนของผู้ถือหุ้นในงบดุลและตัดจำหน่ายในแต่ละ ปีตามส่วนเฉลี่ยของอายุหนี้ที่เหลือ มาเป็นรายได้หรือค่าใช้จ่ายทั้งจำนวนในงวดบัญชีที่เกิดรายการ โดยเริ่มถือปฏิบัติสำหรับ กำไรหรือขาดทุนที่เกิดขึ้นในงวดบัญชี 2539 เป็นต้นไป ส่วนรายการรอตัดบัญชีซึ่งเป็นยอดยกมาถือปฏิบัติตามวิธีเดิม การเปลี่ยนนโยบายการบัญชีดังกล่าว เพื่อให้สอดคล้องกับหลักการบัญชีที่รับรองทั่วไป ผลของการเปลี่ยนแปลงทำ ให้ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนฯ (รวมอยู่ในค่าใช้จ่ายอื่น) สำหรับไตรมาสที่สามเพิ่มขึ้น 3.06 ล้านบาท และกำไรจากอัตราแลก เปลี่ยนฯ สำหรับงวดเก้าเดือนเพิ่มขึ้น 31.06 ล้านบาท มีผลให้กำไรสุทธิของบริษัทฯ สำหรับไตรมาสที่สามต่ำลง 2.14 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้นต่ำลง 0.01 บาท และสำหรับงวดเก้าเดือนมีกำไรสุทธิสูงขึ้น 21.75 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้นสูงขึ้น 0.04 บาท ส่วนของผู้ถือหุ้นต่ำลง 9.32 ล้านบาท และหนี้สินรวมสูงขึ้น 9.32 ล้านบาท 1.2 ผลกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่เกิดจากการชำระหนี้ในปีใด ถือเป็นรายได้หรือค่าใช้จ่ายในปีนั้น ทั้งจำนวน 2 ลูกหนี้การค้าและตั๋วเงินรับ จำนวน 2,516.69 ล้านบาท ประกอบด้วย ลูกหนี้การค้า 2,440.44 ล้านบาทและตั๋วเงินรับ 76.25 ล้านบาท ลูกหนี้การค้าจำนวน 2,440.44 ล้านบาท มีการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทยเป็นลูกหนี้รายใหญ่จำนวน 1,022.22 ล้านบาท ซึ่งจำนวนดังกล่าว ได้รวมราคาส่วนเพิ่ม ซึ่งบริษัทฯ เรียกเก็บจากการเพิ่มคุณภาพน้ำมันเตา (ตามข้อกำหนดคุณภาพ ใหม่ของกระทรวงพาณิชย์ ) ที่ขายให้การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทยเพื่อจัดส่งให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยตั้งแต่ปี 2537 จำนวนเงินประมาณ 253 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างการตกลงเรื่องราคา ซึ่งคาดว่าจะสามารถตกลงขั้นสุดท้ายได้ภาย ในปี 2539 นี้ 3 สินทรัพย์อื่น จำนวน 2,823.40 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นงานระหว่างก่อสร้าง 2,173.14 ล้านบาทและมีเงินลงทุนในบริษัท ต่างๆ จำนวน 156.29 ล้านบาท รายละเอียดดังนี้ ยังไม่ได้ตรวจสอบ สอบทานแล้ว อัตราการถือหุ้น ล้านบาท ร้อยละ บริษัท ขนส่งน้ำมันทางท่อ จำกัด 133.00 16.71 บริษัท บางจากกรีนเนท จำกัด 14.88 49.00 บริษัท บางจากกรีนไลน์ จำกัด 2.87 49.00 บริษัท บางจากเพาเวอร์ จำกัด 4.07 39.999 บริษัท มงคลชัยพัฒนา จำกัด 1.47 48.98 156.29 ในไตรมาสนี้ บริษัทฯ ได้บันทึกส่วนแบ่งผลกำไรจากการลงทุนในบริษัทร่วม ซึ่งคำนวณจากผลการดำเนินงาน ที่ได้รับแจ้งจากบริษัท บางจากกรีนเนท จำกัด บริษัท บางจากกรีนไลน์ จำกัด และบริษัท บางจากเพาเวอร์ จำกัด ตามวิธี ส่วนได้เสีย (EQUITY METHOD) จำนวน 1.05 ล้านบาท 0.64 ล้านบาท และ 0.02 ล้านบาท ตามลำดับ 4 ส่วนของผู้ถือหุ้น 9,504.66 ล้านบาท ประกอบด้วย ล้านบาท ทุนเรือนหุ้น(หุ้นสามัญ 522.04 ล้านหุ้น 5,220.41 มูลค่าหุ้นละ 10 บาท ) กำไรสะสม สำรองตามกฏหมาย 547.59 ยังไม่ได้จัดสรร 1,808.45 2,356.04 ส่วนเกินมูลค่าหุ้น 2,007.95 กำไร(ขาดทุน)จากอัตราแลกเปลี่ยนรอตัดบัญชี (79.74) 9,504.66 เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2538 คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการกระจายหุ้นของบริษัทฯ ที่ถือโดยหน่วยงานภาค รัฐเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 31 ( กระทรวงการคลังร้อยละ 6.7 และการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทยร้อยละ 24.3 ) โดยจำหน่ายให้ แก่สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์และบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยไม่เกินร้อยละ 10 และประชาชน ทั่วไปประมาณร้อยละ 21 ซึ่งจะเป็นผลให้บริษัทฯ พ้นสภาพการเป็นรัฐวิสาหกิจ ส่วนการกำหนดราคาและวิธีการจำหน่าย หุ้นให้คณะกรรมการที่ปรึกษาซื้อขายหลักทรัพย์ที่กระทรวงการคลังแต่งตั้งพิจารณาดำเนินการโดยให้ถือหลักการให้รัฐได้รับ ประโยชน์สูงสุด 5 เหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นในภายหน้า ณ วันสิ้นงวดไตรมาสที่สาม วันที่ 30 กันยายน 2539 บริษัทฯ มีภาระผูกพันและหนี้สินที่อาจเกิดขึ้นภายหน้า ดังนี้ 5.1 ภาระผูกพัน บริษัทฯ มีภาระค้ำประกันโดยธนาคาร เป็นเงิน 194.46 ล้านบาท 5.2 การประเมินภาษีเงินได้ บริษัทฯ ได้รับแจ้งการประเมินภาษีเงินได้นิติบุคคลและภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย สำหรับปี 2530 จำนวน 66.75 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างการอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา 5.3 คดีที่ถูกฟ้องร้อง บริษัทฯ ในฐานะผู้เช่าที่ราชพัสดุถูกฟ้องร้องเป็นจำเลยที่ 5 ร่วมกับกระทรวงการคลัง ( จำเลยที่ 1 ) ในข้อหา ละเมิดขับไล่ (ที่ราชพัสดุบริเวณท่าเรือโรงกลั่น ซึ่งบริษัทฯ เช่าจากกระทรวงการคลัง) เรียกค่าเสียหายต่อศาลแพ่งด้วยจำนวน ทุนทรัพย์ 1,055 ล้านบาท ซึ่งสำนักกฎหมายของบริษัทฯ ให้ความเห็นว่า ถึงแม้ผลคดีจะเป็นประการใด บริษัทฯ ในฐานะผู้ เช่าตามสัญญาย่อมไม่มีภาระรับผิดเกี่ยวกับจำนวนทุนทรัพย์ที่ฟ้องร้องดังกล่าวข้างต้น 6 การจัดประเภทบัญชีใหม่ รายการบัญชีในงบการเงินสำหรับงวดไตรมาสที่สามสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2538 บางรายการ ได้จัดประเภท ใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับการแสดงรายการในงบการเงินสำหรับงวดไตรมาสที่สามสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2539