หมายเหตุประกอบงบการเงินไตรมาสสอง ปี 2539

ยังไม่ได้ตรวจสอบ สอบทานแล้ว บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หมายเหตุประกอบงบการเงิน สำหรับไตรมาสที่สองและงวดหกเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2539 1 นโยบายการบัญชี รายการบัญชีที่เป็นเงินตราต่างประเทศปรับมูลค่าเป็นเงินบาทตามอัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่เกิดรายการ ยอดที่ ยังคงค้างอยู่ ณ วันสิ้นงวดจะปรับมูลค่าเป็นเงินบาทตามอัตราแลกเปลี่ยนของธนาคารพาณิชย์ ณ วันเดียวกัน กำไรหรือขาดทุน จากอัตราแลกเปลี่ยนที่เกิดขึ้นถือเป็นรายได้หรือค่าใช้จ่ายในงวดบัญชีทั้งจำนวน ยกเว้นกำไรหรือขาดทุนจากการปรับมูลค่า เงินกู้ ณ วันสิ้นงวดและการปรับมูลค่าตามเงื่อนไขของสัญญาเงินกู้ระยะยาว ซึ่งใช้ในการก่อสร้างทรัพย์สินถือเป็นส่วนหนึ่งของ ต้นทุนงานระหว่างก่อสร้าง ในปีนี้บริษัทฯ ได้เปลี่ยนนโยบายการบัญชีในการรับรู้ผลกำไรหรือขาดทุนที่เกิดจากทั้งสองกรณีเมื่อ งานแล้วเสร็จ จากเดิมซึ่งถือเป็นรายการรอตัดบัญชี โดยแสดงรายการหักจากส่วนของผู้ถือหุ้นในงบดุลและตัดจำหน่ายในแต่ ละปีตามส่วนเฉลี่ยของอายุหนี้ที่เหลือ มาเป็นรายได้หรือค่าใช้จ่ายทั้งจำนวนในงวดบัญชีที่เกิดรายการ โดยเริ่มถือปฏิบัติสำหรับ กำไรหรือขาดทุนที่เกิดขึ้นในงวดบัญชี 2539 เป็นต้นไป ส่วนรายการรอตัดบัญชีซึ่งเป็นยอดยกมาถือปฏิบัติตามวิธีเดิม การเปลี่ยนนโยบายการบัญชีดังกล่าว มีผลให้ไตรมาสที่สองนี้บริษัทฯ มีกำไรสุทธิสูงขึ้น 6.35 ล้านบาท กำไรสุทธิ ต่อหุ้นสูงขึ้น 0.01 บาท และสำหรับงวดหกเดือนมีกำไรสุทธิสูงขึ้น 23.89 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้นสูงขึ้น 0.05 บาท ส่วนของ ผู้ถือหุ้นต่ำลง 10.24 ล้านบาท และหนี้สินรวมสูงขึ้นด้วยจำนวนเดียวกัน ผลกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่เกิดจากการชำระหนี้ในปีใด ถือเป็นรายได้หรือค่าใช้จ่ายในปีนั้น ทั้งจำนวน 2 สินทรัพย์อื่น จำนวน 2,674.22 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นงานระหว่างก่อสร้าง 2,011.46 ล้านบาทและมีเงินลงทุนในบริษัท ต่างๆ จำนวน 154.11 ล้านบาท รายละเอียดดังนี้ อัตราการถือหุ้น ล้านบาท ร้อยละ บริษัท ขนส่งน้ำมันทางท่อ จำกัด 133.00 16.71 บริษัท บางจากกรีนเนท จำกัด 13.83 49.00 บริษัท บางจากกรีนไลน์ จำกัด 2.23 49.00 บริษัท บางจากเพาเวอร์ จำกัด 5.05 49.99 154.11 ในไตรมาสนี้ บริษัทฯ ได้มีการบันทึกส่วนแบ่งผลกำไรจากการลงทุนในบริษัทร่วม ซึ่งคำนวณจากผลการดำเนิน งาน ที่ได้รับแจ้งจากบริษัท บางจากกรีนเนท จำกัด บริษัท บางจากกรีนไลน์ จำกัด และบริษัท บางจากเพาเวอร์ จำกัด ตามวิธีส่วนได้เสีย (EQUITY METHOD) จำนวน 2.12 ล้านบาท 0.55 ล้านบาท และ 0.03 ล้านบาท ตามลำดับ ยังไม่ได้ตรวจสอบ สอบทานแล้ว 3 ส่วนของผู้ถือหุ้น 9,351.54 ล้านบาท ประกอบด้วย ล้านบาท ทุนเรือนหุ้น(หุ้นสามัญ 522.04 ล้านหุ้น 5,220.41 มูลค่าหุ้นละ 10 บาท ) กำไรสะสม สำรองตามกฏหมาย 547.59 ยังไม่ได้จัดสรร 1,660.76 2,208.35 ส่วนเกินมูลค่าหุ้น 2,007.95 กำไร(ขาดทุน)จากอัตราแลกเปลี่ยนรอตัดบัญชี (85.17) 9,351.54 เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2538 คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการกระจายหุ้นของบริษัทฯ ที่ถือโดยหน่วยงานภาครัฐ เพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 31 ( กระทรวงการคลังร้อยละ 6.7 และการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทยร้อยละ 24.3 ) โดยจำหน่ายให้แก่ สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์และบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยไม่เกินร้อยละ 10 และประชาชนทั่วไป ประมาณร้อยละ 21 ซึ่งจะเป็นผลให้บริษัทฯ พ้นสภาพการเป็นรัฐวิสาหกิจ ส่วนการกำหนดราคาและวิธีการจำหน่ายหุ้น ให้ คณะกรรมการที่ปรึกษาซื้อขายหลักทรัพย์ที่กระทรวงการคลังแต่งตั้งพิจารณาดำเนินการโดยให้ถือหลักการให้รัฐได้รับประโยชน์ สูงสุด 4 เหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นในภายหน้า ณ วันสิ้นงวดไตรมาสที่สอง วันที่ 30 มิถุนายน 2539 บริษัทฯ มีภาระผูกพันและหนี้สินที่อาจเกิดขึ้นภายหน้า ดังนี้ 4.1 ภาระผูกพัน บริษัทฯ มีภาระค้ำประกันโดยธนาคาร เป็นเงิน 194.03 ล้านบาท 4.2 การประเมินภาษีเงินได้ บริษัทฯ ได้รับแจ้งการประเมินภาษีเงินได้นิติบุคคลและภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย สำหรับปี 2530 จำนวน 66.75 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างการอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา 4.3 คดีที่ถูกฟ้องร้อง บริษัทฯ ในฐานะผู้เช่าที่ราชพัสดุถูกฟ้องร้องเป็นจำเลยที่ 5 ร่วมกับกระทรวงการคลัง ( จำเลยที่ 1 ) ในข้อหาละเมิด ขับไล่ (ที่ราชพัสดุบริเวณท่าเรือโรงกลั่น ซึ่งบริษัทฯ เช่าจากกระทรวงการคลัง) เรียกค่าเสียหายต่อศาลแพ่งด้วยจำนวนทุนทรัพย์ 1,055 ล้านบาท ซึ่งสำนักกฎหมายของบริษัทให้ความเห็นว่าถึงแม้ผลคดีจะเป็นประการใด บริษัท ฯ ในฐานะผู้เช่าตามสัญญา ย่อมไม่มีภาระรับผิดเกี่ยวกับจำนวนทุนทรัพย์ที่ฟ้องร้องดังกล่าวข้างต้น