MD&A ไตรมาส 2 (30 มิ.ย.50)

สิ่งที่ส่งมาด้วย 1/8 คำอธิบายและการวิเคราะห์ของฝ่ายจัดการ ผลการดำเนินงานสำหรับงวด 3 เดือน และงวด 6 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2550 ภาพรวมธุรกิจปี 2550 ด้านราคาน้ำมัน สำหรับไตรมาส 2 ปี 2550 สถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกยังคงมีการปรับตัวสูงขึ้นกว่าไตรมาสที่แล้ว จากปัจจัยความกังวลถึงภาวะอุปทานขาดแคลน ทั้งจากเหตุการณ์ความไม่สงบในประเทศผู้ผลิตน้ำมันดิบ กรณีข้อ พิพาทการทดลองพลังงานนิวเคลียร์ของประเทศอิหร่านยังคงยืดเยื้อ กอปรกับมีการคาดการณ์ว่าความต้องการใช้ น้ำมันของโลกในปีนี้จะเพิ่มสูงขึ้นในขณะที่ประธานกลุ่ม OPEC ยืนยันจะไม่เพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันดิบจนกว่าจะมี การประชุมอีกครั้งในวันที่ 11 กันยายน 2550 จึงเป็นปัจจัยที่ส่งผลให้ราคาปรับตัวสูงขึ้นในไตรมาสนี้ (อ้างอิงราคา น้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยไตรมาส 2 ปี 2550 ที่ 64.82 ดอลลาร์ สรอ.ต่อบาเรล สูงขึ้น 16.9% เมื่อเทียบกับราคาเฉลี่ย ไตรมาส 1 ปี 2550 ที่อยู่ที่ 55.43 ดอลลาร์ สรอ.ต่อบาเรล) ซึ่งการปรับเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันนี้เองทำให้ธุรกิจโรงกลั่น มีค่าการกลั่นจากสต๊อกน้ำมันสูงขึ้น ปัจจุบันราคาน้ำมันดิบสูงขึ้นทำสถิติสูงสุดในรอบ 11 เดือน ซึ่งเป็นราคาที่สูงมากเกือบเทียบเท่าสถิติสูงสุด เมื่อปีที่แล้ว ทำให้มีการคาดการณ์ว่าอาจจะมีการปรับเพิ่มเพดานการผลิตของกลุ่มประเทศ OPEC ในการประชุมที่จะ มีขึ้นครั้งถัดไป และการขายทำกำไรของ Hedge Fund อาจเป็นปัจจัยที่ทำให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงได้ในช่วงครึ่ง ปีหลัง ดังนั้นบริษัทฯจึงใช้วิธีบริหารระดับสินค้าคงเหลืออย่างมีประสิทธิภาพเพื่อลดผลกระทบจากสต๊อกน้ำมันให้มาก ที่สุด ด้านการผลิต บริษัทฯ สามารถเพิ่มปริมาณการกลั่นสูงขึ้นเป็น 73.8 พันบาเรลต่อวัน ในไตรมาส 2 ทำให้ในรอบ 6 เดือน แรกของปีมีปริมาณการกลั่นเฉลี่ย 63.1 พันบาเรลต่อวัน เมื่อเทียบกับปี 2549 ที่อยู่ที่ 54.5 พันบาเรลต่อวัน และ 60.1 พันบาเรลต่อวัน ตามลำดับ ทั้งนี้เป็นผลจากการที่บริษัทฯ ได้บรรลุสัญญาขายเทอมน้ำมันเตาชนิด FOVS (Fuel Oil Very Low Sulfur) เพื่อส่งออกให้แก่โรงกลั่นในประเทศจีนเพื่อนำไปกลั่นต่อให้เป็นน้ำมันดีเซลและเบนซินโดยมี ปริมาณขายเฉลี่ย 100 -120 ล้านลิตรต่อเดือน สัญญาดังกล่าวมีผลถึงสิ้นปี 2550 และขณะนี้บริษัทฯอยู่ระหว่างการ พิจารณาทำสัญญาสำหรับปี 2551 อีกทั้งในช่วงนี้ราคาน้ำมันเตาปรับตัวดีขึ้นจากปีก่อน เนื่องจากปัญหาโรงไฟฟ้าพลัง นิวเคลียร์ของญี่ปุ่น จึงทำให้มีความต้องการใช้น้ำมันเตาเพิ่มสูงขึ้นและคาดว่าปัญหาที่เกิดขึ้นต่อโรงไฟฟ้าพลังงาน นิวเคลียร์อาจต้องใช้เวลาถึง 12 เดือนในการแก้ไข 1. คำอธิบายและวิเคราะห์ผลการดำเนินงาน งวด 6 เดือนปี 2550 งวด 6 เดือนปี 2549 งบรวม งบบริษัท งบรวม งบบริษัท รายได้รวม, ล้านบาท 44,561 44,129 51,874 51,455 กำไร / (ขาดทุน) สุทธิ, ล้านบาท 839 791 908 919 อัตรากำไรสุทธิ, ร้อยละ 1.90 1.81 1.78 1.82 กำไรสุทธิต่อหุ้น, บาท/หุ้น 0.75 0.71 1.14 1.15 สิ่งที่ส่งมาด้วย 2/8 ไตรมาส 2 ปี 2550 ไตรมาส 2 ปี 2549 งบรวม งบบริษัท งบรวม งบบริษัท รายได้รวม, ล้านบาท 24,370 24,138 25,166 24,945 กำไร / (ขาดทุน) สุทธิ, ล้านบาท 881 845 393 385 อัตรากำไรสุทธิ, ร้อยละ 3.66 3.54 1.58 1.56 กำไรสุทธิต่อหุ้น, บาท/หุ้น 0.79 0.76 0.43 0.42 1.1 การวิเคราะห์กำไรขาดทุน 1) ผลการดำเนินงานสำหรับงวด 6 เดือน ปี 2550 งบการเงินรวมมีผลกำไรสุทธิ 839 ล้านบาท ซึ่งงบ เฉพาะบริษัทฯมีกำไรสุทธิจำนวน 791 ล้านบาท และบริษัทย่อย ได้แก่บริษัท บางจากกรีนเนท มีผล กำไรสุทธิ 45 ล้านบาท และรายการระหว่างกัน 3 ล้านบาท 2) ผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2550 งบการเงินรวมมีผลกำไรสุทธิ 881 ล้านบาท ซึ่งงบเฉพาะบริษัทฯมี กำไรสุทธิจำนวน 845 ล้านบาท และบริษัทย่อยมีผลกำไรสุทธิ 34 ล้านบาท มีรายการระหว่างกัน 2 ล้าน บาท โดยไตรมาสนี้บริษัทฯ มี EBITDA 1,444 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่อยู่ที่ 958 ล้าน บาท อยู่ 486 ล้านบาท หรือคิดเป็น 50.7% สำหรับผลประกอบการไตรมาสที่ 2 แยกตามประเภทธุรกิจ มีดังนี้ EBITDA จำแนกตามประเภทธุรกิจ ไตรมาส 2 ปี 50 ไตรมาส 2 ปี 49 เพิ่ม + / ลด - (หน่วย : ล้านบาท) (A) (B) (A) - (B) (สอบทานแล้ว) (ปรับปรุงใหม่) EBITDA 1,444 958 +486 - โรงกลั่น 1,362 1,190 +172 - ตลาด 82 -232 +314 (หัก) กำไรจากสต๊อกน้ำมัน (849) (358) -491 Adjusted EBITDA 595 600 -5 - โรงกลั่น 513 832 -319 - ตลาด 82 -232 +314 - EBITDA จากธุรกิจโรงกลั่น 1,362 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่อยู่ที่ระดับ 1,190 ล้าน บาท โดยไตรมาสนี้บริษัทฯ มีค่าการกลั่นรวม 6.27 ดอลลาร์ สรอ.ต่อบาเรล (รวมผลกำไรจากสต๊อก น้ำมันเนื่องจากราคาน้ำมันดิบมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น) มีการใช้กำลังการผลิตที่ 73.8 พันบาเรลต่อวัน สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีค่าการกลั่นรวม 6.03 ดอลลาร์ สรอ.ต่อบาเรล และใช้กำลังการ ผลิตที่ระดับ 54.5 พันบาเรลต่อวัน รายละเอียดการวิเคราะห์ดังนี้ สิ่งที่ส่งมาด้วย 3/8 หน่วย : U$/Barrel ไตรมาส 2 ไตรมาส 2 ผลแตกต่าง ค่าการกลั่นจาก ปี 2550 ปี 2549 +/- ค่าการกลั่นพื้นฐาน 2.47 3.45 -0.98 Improvement Program 0.001 2.97 0.27 4.54 -0.27 (1.57) Oil Hedging 0.50 0.82 -0.32 สต๊อกน้ำมัน 3.30 1.49 +1.81 รวม 6.27 6.03 +0.24 ค่าการกลั่น (ไม่รวมผลกระทบจากสต๊อกน้ำมัน) 2.97 ดอลลาร์ สรอ.ต่อบาเรล ต่ำกว่าช่วงเดียวกัน ของปีก่อนที่อยู่ที่ระดับ 4.54 ดอลลาร์ สรอ.ต่อบาเรล จากค่าการกลั่นพื้นฐานมีการปรับตัวลดลง 0.98 ดอลลาร์ สรอ.ต่อบาเรล เนื่องจากส่วนต่างราคาน้ำมันสำเร็จรูปและน้ำมันดิบมีการปรับตัว ลดลงโดยเฉพาะส่วนต่างของราคาเฉลี่ยน้ำมันดีเซลเทียบกับน้ำมันดิบดูไบปรับลดลง 3.15 ดอลลาร์ สรอ.ต่อบาเรล อีกทั้งส่วนต่างราคาน้ำมันดิบทาปีสและน้ำมันดิบดูไบก็ปรับตัวสูงขึ้นด้วย กำไรจาก การทำ Improvement Program ลดลง 0.27 ดอลลาร์ สรอ.ต่อบาเรล เนื่องจากบริษัทลดการส่ง น้ำมันเตาไป Crack ที่โรงกลั่นไทยออยล์ลง และกำไรจากสัญญาซื้อขายน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์ น้ำมันล่วงหน้า (Oil Hedging) ลดลง 0.32 ดอลลาร์ สรอ.ต่อบาเรล เนื่องจากบริษัทฯได้มีโอกาสเข้า ทำสัญญาธุรกรรมป้องกันความเสี่ยงล่วงหน้าสำหรับไตรมาส 2 ปี 2549 ไว้ในปริมาณที่สูงถึง 54% ของปริมาณการกลั่นเฉลี่ยไตรมาส เนื่องจากภาวะตลาดในขณะนั้นเอื้ออำนวยจึงทำให้ได้รับกำไร จากการทำสัญญาดังกล่าวเป็นมูลค่าสูงกว่าไตรมาส 2 ปี 2550 นี้ที่มีปริมาณการทำ Hedging คิด เป็นประมาณ 23% ของปริมาณการกลั่นเฉลี่ย ไตรมาสนี้มีกำไรจากสต๊อกน้ำมัน 3.30 ดอลลาร์ สรอ.ต่อบาเรล ในขณะที่ช่วงเดียวกันของปีก่อนมี กำไรจากสต๊อกน้ำมัน 1.49 ดอลลาร์ สรอ.ต่อบาเรล ทั้งนี้เนื่องมาจากอัตราการปรับตัวขึ้นของราคา น้ำมันเฉลี่ยในปีนี้สูงกว่าปีก่อน (อ้างอิงราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยไตรมาส 2 ต่อไตรมาส 1 ปี 2550 ปรับเพิ่มขึ้นประมาณ 16.9% ในขณะที่ราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยไตรมาส 2 ต่อไตรมาส 1 ปี 2549 มี การปรับเพิ่มขึ้นประมาณ 11.7%) - EBITDA จากธุรกิจการตลาด 82 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่อยู่ที่ -232 ล้านบาท เนื่องจากไตรมาสนี้การปรับราคาขายปลีกทำได้ดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้ว่าค่าการตลาด โดยรวมยังอยู่ในระดับต่ำก็ตาม ส่งผลให้บริษัทฯ ได้รับค่าการตลาด (ไม่รวมน้ำมันเครื่อง) อยู่ที่ ระดับ 27.4 สตางค์ต่อลิตร ปีก่อนที่อยู่ที่ระดับ -11.5 สตางค์ต่อลิตร และมีปริมาณการจำหน่าย 52.7 พันบาเรลต่อวัน สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่อยู่ที่ระดับ 52.3 พันบาเรลต่อวัน 1.2 การวิเคราะห์รายได้ 1) สำหรับงวด 6 เดือน ปี 2550 รายได้รวมของบริษัทฯ และบริษัทย่อยจำนวน 44,561 ล้านบาท เป็นรายได้ ของบริษัท บางจากฯ จำนวน 44,129 ล้านบาท และรายได้ของบริษัท บางจากกรีนเนท จำนวน 6,345 ล้านบาท ในรายได้ดังกล่าวเป็นรายการระหว่างกันจำนวน 5,913 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นรายการขาย น้ำมันสำเร็จรูปจากบริษัทฯ ให้กับบริษัท บางจากกรีนเนท สิ่งที่ส่งมาด้วย 4/8 2) สำหรับไตรมาส 2 ปี 2550 รายได้รวมของบริษัทฯ และบริษัทย่อยมีจำนวน 24,370 ล้านบาท ประกอบด้วย รายได้ของบริษัท บางจากฯ จำนวน 24,138 ล้านบาท และรายได้ของบริษัท บางจากกรีนเนท จำนวน 3,446 ล้านบาท ในรายได้ดังกล่าวเป็นรายการระหว่างกันจำนวน 3,214 ล้านบาท โดยรายได้ของบริษัท บางจากฯ ที่มีการเปลี่ยนแปลงหลักเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ได้แก่ - รายได้จากดอกเบี้ยรับจำนวน 57 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32 ล้านบาท หรือ 129% เนื่องจากบริษัทฯ มี การนำเงินสดส่วนเกินและเงินที่ได้รับจากการเพิ่มทุนโครงการปรับปรุงคุณภาพน้ำมัน (PQI) ส่วน หนึ่งที่ยังไม่ถึงกำหนดชำระไปลงทุนในเงินฝากประจำประเภทมีระยะเวลาตั้งแต่ 3-14 เดือน ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2550 มีเงินฝากประเภทประจำอยู่จำนวน 3,859 ล้านบาท ส่วนหนึ่งจำนวน 1,029 ล้านบาท คงอยู่ในรายการเงินลงทุนชั่วคราว อีกส่วนจำนวน 2,830 ล้านบาท อยู่ในรายการ เทียบเท่าเงินสดเนื่องจากมีระยะเวลาฝากคงเหลือน้อยกว่า 3 เดือน - กำไรจากสัญญาซื้อขายน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์ล่วงหน้าจำนวน 127 ล้านบาท ลดลง 70 ล้านบาท หรือลดลง 36% เนื่องจากปริมาณธุรกรรมการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าลดลงจากประมาณ 54% ของ ปริมาณการกลั่นเฉลี่ยไตรมาส 2/2549 เป็น 23% ของปริมาณการกลั่นเฉลี่ยไตรมาส 2/2550 อีกทั้ง ราคาซื้อขายล่วงหน้ายังขึ้นอยู่กับสภาพของตลาดในช่วงเวลานั้นๆ ซึ่งแตกต่างกันในแต่ละปี - รายได้อื่นๆจำนวน 72 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 46 ล้านบาท หรือ 180% ส่วนใหญ่มาจากรายได้เคลมค่า ความเสียหายจากเรือชนท่าจำนวน 26 ล้านบาท และค่าพรีเมียมจากสัญญาขายเงินตราต่าง ประเทศล่วงหน้า 24 ล้านบาท 1.3 การวิเคราะห์ค่าใช้จ่าย 1) สำหรับงวด 6 เดือน ปี 2550 ค่าใช้จ่ายรวมของบริษัทฯ และบริษัทย่อยจำนวน 43,722 ล้านบาท ประกอบด้วย ค่าใช้จ่ายของบริษัท บางจากฯ จำนวน 43,337 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายของบริษัท บาง จากกรีนเนท จำนวน 6,299 ล้านบาท โดยค่าใช้จ่ายดังกล่าวเป็นรายการระหว่างกันจำนวน 5,914 ล้าน บาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นต้นทุนขายน้ำมันสำเร็จรูปของบริษัทฯ แก่บริษัท บางจากกรีนเนท 2) สำหรับไตรมาส 2 ปี 2550 ค่าใช้จ่ายรวมของบริษัทฯ และบริษัทย่อยจำนวน 23,489 ล้านบาท ประกอบด้วย ค่าใช้จ่ายของบริษัท บางจากฯ จำนวน 23,293 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายของบริษัท บาง จากกรีนเนท จำนวน 3,412 ล้านบาท โดยค่าใช้จ่ายดังกล่าวเป็นรายการระหว่างกันจำนวน 3,216 ล้าน บาท โดยค่าใช้จ่ายของบริษัท บางจากฯ ที่มีการเปลี่ยนแปลงหลักเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ได้แก่ - บริษัทฯ มีดอกเบี้ยจ่าย 167 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 20 ล้านบาท หรือ 11% เนื่องจากการลดลงของอัตราดอกเบี้ยประมาณ 0.5% ต่อปี โดยบริษัทฯ มีต้นทุนเงินกู้ยืมเฉลี่ย ไตรมาส 2/2550 อยู่ที่ 5.7% - ภาษีเงินได้จำนวน 273 ล้านบาท สูงขึ้น 84 ล้านบาท เนื่องจากผลการดำเนินงานที่มีกำไรใน ไตรมาสที่ 2 ปี 2550 อย่างไรก็ดีบริษัทฯ ได้ตั้งสินทรัพย์ภาษีเงินได้รอการตัดบัญชีไว้ด้วยจำนวน 51 ล้านบาท เนื่องจากการใช้สิทธิประโยชน์ตามพระราชกฤษฎีกาฉบับที่ 460 เพื่อส่งเสริมการ ลงทุนเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตสินค้าให้ดีขึ้น (เงินได้ที่จ่ายเพื่อลงทุนในงวดนี้ประมาณ 678 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเงินลงทุนสำหรับโครงการ PQI) สิ่งที่ส่งมาด้วย 5/8 1.4 การวิเคราะห์อัตรากำไร อัตรากำไรขั้นต้นมีการปรับตัวตามความผันผวนของราคาน้ำมันในตลาดโลก และผันแปรตามค่าการ กลั่นและค่าการตลาด โดยงวด 6 เดือน และไตรมาส 2 ปี 2550 มีอัตรากำไรขั้นต้น 4.2% และ 6.4% ตามลำดับ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2549 ที่อยู่ที่ 3.2% และ 3.9% ตามลำดับ สาเหตุหลักมาจากค่าการกลั่นรวมที่ ปรับตัวเพิ่มขึ้น ดังที่ได้กล่าวไว้แล้วตาม 1.1 ข้อ 2) ทำให้อัตรากำไรสุทธิในไตรมาส 2 ปี 2550/2549 ปรับเพิ่มขึ้น เป็น 3.5% จาก 1.6% ส่วนอัตรากำไรสุทธิงวด 6 เดือน ปี 2550/2549 เท่ากันที่ 1.8% 2. คำอธิบายและการวิเคราะห์ฐานะการเงิน ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2550 เปรียบเทียบกับ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2549 2.1 สินทรัพย์ 1) สินทรัพย์รวม ณ สิ้นไตรมาส 2 ปี 2550 มีจำนวน 39,951 ล้านบาท ประกอบด้วยสินทรัพย์ของบริษัทฯ จำนวน 39,871 ล้านบาท และบริษัท บางจากกรีนเนท จำนวน 472 ล้านบาท ในสินทรัพย์ดังกล่าวมี สินทรัพย์ระหว่างกัน 392 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นบัญชีลูกหนี้จำนวน 389 ล้านบาท 2) สินทรัพย์รวมของบริษัท บางจากฯ ณ สิ้นไตรมาส 2 ปี 2550 เทียบกับ ณ สิ้นปี 2549 มีมูลค่าเพิ่มขึ้น จำนวน 1,928 ล้านบาท ประกอบด้วยสินทรัพย์หลักที่เปลี่ยนแปลงคือ - ณ 30 มิถุนายน 2550 บริษัทฯมีลูกหนี้การค้า-สุทธิ 4,274 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,146 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 37% เนื่องจากมีการขายน้ำมันส่งออกมากขึ้นซึ่งเป็นลูกหนี้กลุ่มที่มีเทอมชำระเงินเฉลี่ย นาน 30 วัน - สินค้าคงเหลือ 9,791 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,150 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 13% เนื่องจากปริมาณสินค้า เพิ่มขึ้นตามปริมาณการกลั่นที่เพิ่มสูงขึ้น 2.2 หนี้สิน 1) หนี้สินรวม ณ สิ้นไตรมาส 2 ปี 2550 จำนวน 20,763 ล้านบาท ประกอบด้วยหนี้สินของบริษัทฯ จำนวน 20,687 ล้านบาท และของบริษัท บางจากกรีนเนท จำนวน 465 ล้านบาท ในหนี้สินดังกล่าวเป็นหนี้ระหว่าง กัน จำนวน 389 ล้านบาท 2) หนี้สินของบริษัท บางจากฯ ณ สิ้นไตรมาส 2 ปี 2550 เทียบกับ ณ สิ้นปี 2549 มีมูลค่าเพิ่มขึ้น 1,436 ล้านบาท ประกอบด้วยหนี้สินหลักที่เปลี่ยนแปลงคือ - ณ 30 มิถุนายน 2550 เจ้าหนี้การค้ามีจำนวน 6,048 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,902 ล้านบาท หรือ 46% เนื่องจากในไตรมาส 2 มีปริมาณการกลั่นสูงขึ้นทำให้มีการซื้อน้ำมันดิบมากขึ้นประกอบกับช่วงสิ้นปี ที่แล้วมีการจ่ายชำระหนี้ค่าน้ำมันล่วงหน้า 2 เที่ยวเรือ ปริมาณ 0.73 ล้านบาเรล มูลค่า 1,725 ล้าน บาท 2.3 ส่วนของผู้ถือหุ้น 1) ส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ และบริษัทย่อย ณ สิ้นไตรมาส 2 ปี 2550 รวมจำนวน 19,188 ล้านบาท เป็นส่วนของผู้ถือหุ้นบริษัทฯ 19,184 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทบางจากกรีนเนท จำนวน 7 ล้านบาท และเป็นรายการระหว่างกัน 3 ล้านบาท สิ่งที่ส่งมาด้วย 6/8 2) ส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัท บางจากฯ ณ สิ้นไตรมาส 2 ปี 2550 เพิ่มขึ้น 492 ล้านบาท จาก ณ สิ้นปี 2549 เนื่องจากบริษัทฯ มีกำไรสุทธิครึ่งปีแรกปี 2550 จำนวน 791 ล้านบาท แต่มีการจ่ายเงินปันผล ประจำปีจำนวน 190 ล้านบาท และได้มีการตัดจำหน่ายส่วนเกินทุนจากการตีราคาสินทรัพย์เป็นจำนวน 109 ล้านบาท ส่งผลให้ส่วนของผู้ถือหุ้น ณ 30 มิถุนายน 2550 มีจำนวน 19,184 ล้านบาท 3) บริษัทฯ มีตราสารอื่นที่ผู้ถือตราสารสามารถใช้สิทธิแปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญได้ตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ ในข้อกำหนดสิทธิ เช่น หุ้นกู้แปลงสภาพ และใบสำคัญแสดงสิทธิต่างๆ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2550 มี จำนวนหุ้นที่สามารถแปลงสภาพได้รวม 287 ล้านหุ้น เมื่อคิด Fully Dilution แล้วจะมีสัดส่วนเป็นร้อยละ 20.4 ของจำนวนหุ้นทั้งหมด 3. คำอธิบายและการวิเคราะห์งบกระแสเงินสด สำหรับงวด 6 เดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2550 3.1 สำหรับงวด 6 เดือน ปี 2550 นี้ บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีเงินสดต้นงวดยกมา 2,705 ล้านบาท โดยใน ระหว่างงวดมีเงินสดสุทธิได้มาจากกิจกรรมต่างๆจำนวน 2,105 ล้านบาท ประกอบด้วยเงินสดที่ได้มาจาก กิจกรรมดำเนินงาน 615 ล้านบาท เงินสดที่ได้มาจากกิจกรรมลงทุนจำนวน 2,231 ล้านบาท และใช้เงินสดไป ในกิจกรรมจัดหาเงิน 741 ล้านบาท ดังนั้น ณ สิ้นไตรมาส 2 ปี 2550 จึงมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด จำนวน 4,810 ล้านบาท โดยเป็นเงินสดของบริษัท บางจากฯ จำนวน 4,676 ล้านบาท และเป็นเงินสดของ บริษัท บางจากกรีนเนท จำนวน 134 ล้านบาท 3.2 กระแสเงินสดเฉพาะบริษัทฯ เกิดจากกำไรสุทธิงวด 6 เดือน จำนวน 791 ล้านบาท บวกกลับค่าใช้จ่ายที่ไม่ใช้ เงินสดจำนวน 546 ล้านบาท ดังนั้น บริษัทฯ มีกำไรที่เป็นเงินสดจำนวน 1,337 ล้านบาท มีเงินสดต้นงวด จำนวน 2,599 ล้านบาท โดยบริษัทฯ ได้และใช้เงินสดในกิจกรรมดังต่อไปนี้ 1) บริษัทฯ ใช้เงินสดไปในสินทรัพย์และหนี้สินดำเนินงานจำนวน 754 ล้านบาท โดยที่ - ใช้เงินสดไปเพื่อสินทรัพย์ดำเนินงานเพิ่มขึ้น 2,067 ล้านบาท ได้แก่ ลูกหนี้การค้าที่เพิ่มขึ้น 1,103 ล้านบาท สินค้าคงเหลือเพิ่มขึ้น 1,150 ล้านบาท และสินทรัพย์หมุนเวียนอื่นลดลงจำนวน 186 ล้าน บาท - มีเงินสดได้มาจากหนี้สินดำเนินงาน 1,313 ล้านบาท ได้แก่ เจ้าหนี้การค้าที่เพิ่มขึ้นจำนวน 1,914 ล้านบาท แต่ได้จ่ายชำระหนี้สินและค่าใช้จ่ายค้างจ่ายอื่นจำนวน 601 ล้านบาท 2) บริษัทฯ ได้เงินสดมาจากกิจกรรมลงทุน 2,235 ล้านบาท ได้แก่ - ได้เงินสดจากเงินลงทุนชั่วคราว 3,016 ล้านบาท ตามที่ได้ฝากเงินประเภทประจำมีระยะเวลาตั้งแต่ 3-14 เดือน ไว้ ณ 30 มิถุนายน 2550 เงินฝากส่วนหนึ่งได้แปลงสภาพเป็นรายการเทียบเท่าเงินสด เนื่องจากมีระยะเวลาฝากคงเหลือไม่เกิน 3 เดือน - มีการจ่ายเงินสดสำหรับการลงทุนเพิ่มในสินทรัพย์ถาวร-อุปกรณ์จำนวน 876 ล้านบาท ในจำนวนนี้ เป็นส่วนของโครงการ PQI ที่จ่ายเป็นเงินสดไปจำนวน 750 ล้านบาท - บริษัทฯได้เงินสดจากกิจกรรมการลงทุนอื่นๆอีก 95 ล้านบาท 3) บริษัทฯ ใช้เงินสดไปในกิจกรรมจัดหาเงิน 741 ล้านบาท - ชำระคืนเงินกู้ยืมระยะสั้น(ธนาคารกรุงไทย)จำนวน 300 ล้านบาท สิ่งที่ส่งมาด้วย 7/8 - ชำระคืนเงินกู้ระยะยาว(ธนาคารกรุงไทย)จำนวน 251 ล้านบาท - จ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้น 190 ล้านบาท (จำนวน 1,119 ล้านหุ้น อัตราหุ้นละ 17 สตางค์) ดังนั้น บริษัทฯ มีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดเพิ่มขึ้น 2,077 ล้านบาท เมื่อรวมกับเงินสดต้นงวดจำนวน 2,599 ล้านบาทแล้ว ณ สิ้นไตรมาส 2 ปี 2550 บริษัทฯมีเงินสดคงเหลือจำนวน 4,676 ล้านบาท โดยเป็นเงินสด เพื่อใช้สำหรับดำเนินงานจำนวน 1,480 ล้านบาท และเงินสดที่เป็นเงินทุนโครงการ PQI จำนวน 3,196 ล้าน บาท 4. สรุปผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายการบัญชี บริษัทฯ มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายการบันทึกบัญชีของเงินลงทุนในบริษัทย่อยในงบการเงินเฉพาะบริษัทจากวิธี ส่วนได้เสีย (Equity Method) เป็นวิธีราคาทุน (Cost Method) ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2550 เป็นต้นไป เพื่อให้เป็นไป ตามข้อกำหนดใหม่ของมาตรฐานการบัญชีฉบับที่ 44 ประกาศโดยสภาวิชาชีพบัญชีฉบับที่ 26/2549 ทั้งนี้เงินลงทุนใน บริษัทย่อยที่แสดงอยู่ในงบเฉพาะบริษัทนั้นบันทึกโดยใช้ราคาทุนเดิม (Historical Cost) เป็นราคาทุนเริ่มต้น ซึ่งการ เปลี่ยนแปลงนโยบายดังกล่าวทำให้กำไร (ขาดทุน) สุทธิ ในงบการเงินเฉพาะบริษัทจะไม่เท่ากับงบการเงินรวมอีก ต่อไป และบริษัทฯ ได้ปรับปรุงย้อนหลังงบการเงินปี 2549 ที่แสดงเปรียบเทียบด้วย ส่งผลให้กำไรสะสม ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2549 เพิ่มขึ้นจำนวน 0.49 เท่ากับมูลค่าหุ้นที่บริษัทฯลงทุนในบริษัท บางจากกรีนเนท เพื่อให้สะท้อนมูลค่าเงิน ลงทุนตามวิธีราคาทุนเดิมตามที่มาตรฐานได้กำหนดไว้ ผลสะสมของการเปลี่ยนแปลงหลักการบัญชีนี้ได้แสดงไว้ใน "ผล สะสมจากการเปลี่ยนวิธีการบันทึกเงินลงทุนในบริษัทย่อย" ในงบแสดงการเปลี่ยนแปลงของผู้ถือหุ้นเฉพาะบริษัท หน่วย : ล้านบาท งบกำไรขาดทุน ไตรมาส 2 ปี 2550 ไตรมาส 2 ปี 2549 (งบเฉพาะบริษัท) วิธีราคาทุน วิธีส่วนได้เสีย เพิ่ม (ลด) วิธีราคาทุน วิธีส่วนได้เสีย เพิ่ม (ลด) ส่วนแบ่งกำไร(ขาดทุน)จาก - 35 -35 - 3 -3 บริษัทย่อย งบดุล 30 มิถุนายน 2550 31 ธันวาคม 2549 (งบเฉพาะบริษัท) วิธีราคาทุน วิธีส่วนได้เสีย เพิ่ม (ลด) วิธีราคาทุน วิธีส่วนได้เสีย เพิ่ม (ลด) เงินลงทุนบริษัทย่อย 0.49 - +0.49 0.49 - +0.49 อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงนโยบายบัญชีดังกล่าวส่งผลต่อการแสดงรายการบัญชีที่เกี่ยวข้องกับเงิน ลงทุนในบริษัทย่อยในงบการเงินเฉพาะบริษัทเท่านั้น ไม่ได้มีผลกระทบต่อการจัดทำงบการเงินรวมและ ปัจจัยพื้นฐานการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯแต่อย่างใด 5. ปัจจัยและอิทธิพลหลักที่อาจมีผลกระทบต่อการดำเนินงานหรือฐานะการเงินในอนาคต ปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อผลการดำเนินงานของบริษัทฯซึ่งดำเนินธุรกิจน้ำมัน คือค่าการตลาดและค่าการกลั่น ในส่วนของ ค่าการตลาดจะได้รับผลกระทบจากความผันผวนของราคาน้ำมัน ซึ่งส่งผลต่อการปรับราคาขายปลีกเนื่องจากการขึ้นลง ของราคาขายปลีกดังกล่าวทำได้ล่าช้ากว่าต้นทุนจริงที่เกิดขึ้น เมื่อพิจารณาในส่วนของค่าการกลั่น จากการที่โรงกลั่นของ บริษัทฯ เป็นโรงกลั่นประเภท Simple Refinery ซึ่งมีสัดส่วนผลิตภัณฑ์น้ำมันเตามากเมื่อเปรียบเทียบกับโรงกลั่นประเภท Complex Refinery โดยน้ำมันเตามีราคาต่ำกว่าราคาน้ำมันดิบ ทำให้ค่าการกลั่นของบริษัทฯ ถูกจำกัดไว้ ซึ่งบริษัทฯ มี ความจำเป็นต้องจัดหาแนวทางการลดสัดส่วนการผลิตน้ำมันเตาในระยะยาว เพื่อเพิ่มค่าการกลั่นให้อยู่ในระดับที่ทัดเทียม กับอุตสาหกรรม ดังนั้นบริษัทฯ จึงดำเนินโครงการปรับปรุงคุณภาพน้ำมัน (PQI) โดยการก่อสร้างหน่วยแตกตัวโมเลกุล สิ่งที่ส่งมาด้วย 8/8 น้ำมัน (Cracking Unit) และหน่วยอื่นๆ ซึ่งจะทำให้โรงกลั่นของบริษัทฯเปลี่ยนเป็นโรงกลั่นประเภท Complex Refinery ซึ่ง สามารถลดสัดส่วนการผลิตน้ำมันเตาให้อยู่ในระดับใกล้เคียงกับโรงกลั่นอื่นๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ บริษัทฯคาด (ยังมีต่อ)