ข่าวแจ้งตลาดหลักทรัพย์
ชี้แจงผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2548 (ก่อนสอบทาน)
ที่ 1000/224/2548
27 ตุลาคม 2548
เรื่อง นำส่งงบการเงินก่อนสอบทาน และชี้แจงผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2548
เรียน กรรมการและผู้จัดการ
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
สิ่งที่ส่งมาด้วย 1. งบการเงินก่อนสอบทานไตรมาส 3 ปี 2548 ฉบับภาษาไทย 1 ฉบับ
2. งบการเงินก่อนสอบทานไตรมาส 3 ปี 2548 ฉบับภาษาอังกฤษ 1 ฉบับ
ตามที่บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) ได้มีการจัดส่งงบการเงินก่อนสอบทานและก่อนตรวจสอบ
ตามแนวทางการนำส่งงบการเงินก่อนสอบทานและก่อนตรวจสอบโดยผู้สอบบัญชีของตลาดหลักทรัพย์แห่ง
ประเทศไทย นั้น
บริษัทฯ ใคร่ขอนำส่งงบการเงินก่อนสอบทานโดยผู้สอบบัญชี สำหรับไตรมาส 3 ปี 2548 สิ้นสุด
ณ วันที่ 30 กันยายน 2548 และขอชี้แจงผลการดำเนินงานเพิ่มเติม ดังนี้
ผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2548 บริษัทฯ มีรายได้รวม 21,254 ล้านบาท มีกำไรก่อนหักดอกเบี้ยและ
ค่าเสื่อมราคา (EBITDA) +1,882 ล้านบาท มีดอกเบี้ยจ่ายสุทธิ (หักลบดอกเบี้ยรับ) 155 ล้านบาท
มีค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย 195 ล้านบาท มีภาษีเงินได้ 302 ล้านบาท (สำหรับผลประกอบการ
3 ไตรมาส) ส่งผลให้บริษัทฯ มีผลกำไรสุทธิ 1,250 ล้านบาท (เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันปี 2547
มีผลกำไรสุทธิ 1,186 ล้านบาท) ผลการดำเนินการดังกล่าวมีสาเหตุมาจากปัจจัยดังต่อไปนี้
1) บริษัทฯ มีค่าการกลั่น (ไม่รวมกำไรจากสต๊อกน้ำมัน) 5.36 ดอลลาร์ สรอ.ต่อบาเรลสูงกว่าช่วงเดียวกัน
ของปีก่อน ที่อยู่ที่ระดับ 1.26 ดอลลาร์ สรอ.ต่อบาเรล เนื่องจากความต้องการใช้น้ำมันของภูมิภาค
ได้ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอย่างมากเมื่อเปรียบเทียบกับกำลังการผลิต ส่งผลให้กำลังการผลิตส่วนเกินใกล้หมดไป
ค่าการกลั่นจึงมีการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับ ในไตรมาส 3 ปี 2548 โรงกลั่นหลายแห่งใน
สหรัฐอเมริกาได้หยุดดำเนินการจากเหตุการณ์พายุเฮอริเคน ส่งผลให้ราคาน้ำมันเบนซินและดีเซลได้ปรับตัว
เพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก ซึ่งส่งผลต่อเนื่องมาสู่ราคาน้ำมันในตลาดสิงคโปร์และค่าการกลั่นในทิศทางเดียวกัน
แต่อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันเตาได้ปรับตัวขึ้นในอัตราที่น้อยกว่าน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูปชนิดอื่น
ส่งผลให้บริษัทฯ ต้องลดการใช้กำลังการกลั่นลง เพื่อลดปริมาณการผลิตน้ำมันเตาให้อยู่ในระดับที่
เหมาะสมและรักษาระดับค่าการกลั่นให้อยู่ในระดับสูง โดยเลือกจำหน่ายเฉพาะในตลาดที่มีกำไร
และส่งน้ำมันเตาไปเพิ่มมูลค่าที่โรงกลั่นไทยออยล์ให้มากที่สุด
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีกำไรจากสต๊อกน้ำมันจำนวน 1,100 ล้านบาท จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น
อย่างต่อเนื่อง แต่ยังต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีก่อนที่อยู่ที่ระดับ 1,414 ล้านบาท เนื่องจากในช่วงไตรมาส 3 ปีก่อน
ราคาน้ำมันทาปีสที่บริษัทฯ ใช้เป็นวัตถุดิบในขณะนั้นกว่าร้อยละ 40 ได้ปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็วต่อเนื่อง
ส่งผลให้บริษัทฯ มีกำไรจากสต๊อกน้ำมันเป็นจำนวนมาก
ดังนั้น ในไตรมาส 3 ปี 2548 บริษัทฯ มีค่าการกลั่นรวมอยู่ที่ระดับ 9.75 ดอลลาร์ สรอ.ต่อบาเรล
โดยการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ระดับ 58 พันบาเรลต่อวัน ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีก่อนที่อยู่ที่ระดับ 89
พันบาเรลต่อวัน
2) บริษัทฯ มีค่าการตลาด (ไม่รวมน้ำมันเครื่องบิน) อยู่ที่ระดับ -22.6 สตางค์ต่อลิตร ต่ำกว่าช่วงเดียวกัน
ของปีก่อนที่อยู่ที่ระดับ 37 สตางค์ต่อลิตร ทั้งนี้เป็นผลมาจากการปรับราคาขายปลีกได้ช้ากว่าต้นทุน
ที่มีการปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็วตามราคาน้ำมันในตลาดโลก แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ มีผลกำไรจากการ
ขายน้ำมันเครื่องบิน จำนวน 32 ล้านบาท หรือ 0.38 บาทต่อลิตร
3) ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร จำนวน 358 ล้านบาท เท่ากับช่วงเดียวกันปีก่อน แต่มีค่าใช้จ่ายที่
เปลี่ยนแปลงหลัก คือ ค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรลดลงจากการที่ในช่วงไตรมาส 3 ปีก่อน มีโครงการ Early
Retirement หักลบกับค่าใช้จ่ายขนส่งน้ำมันเพิ่มขึ้นจากราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มสูงขึ้น และค่าซ่อมบำรุง
สถานีบริการที่เพิ่มขึ้นจากการเร่งปรับปรุงภาพลักษณ์สถานีบริการน้ำมัน
4) บริษัทฯ มีดอกเบี้ยจ่ายสุทธิ 155 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน 24 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจาก
การทยอยแปลงสภาพของใบแสดงสิทธิในผลประโยชน์ที่เกิดจากหุ้นกู้แปลงสภาพรวมจำนวน 1,626 ล้านบาท
ตั้งแต่ไตรมาส 2 ปี 2547 เป็นต้นมา ประกอบกับ ได้มีการทยอยชำระคืนหุ้นกู้ที่ครบกำหนดชำระที่มีอัตรา
ดอกเบี้ยสูง ด้วยเงินกู้ใหม่จากธนาคารกรุงไทยซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่า
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ
ขอแสดงความนับถือ
-ลงนาม-
(นายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล)
กรรมการผู้จัดการใหญ่
สำนักแผนกิจการและนักลงทุนสัมพันธ์
โทร. 0 -2335-4583