ชี้แจงผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2548 (สอบทาน)

ที่ 1000 / 099 / 2548 9 พฤษภาคม 2548 เรื่อง นำส่งงบการเงินสอบทานแล้ว และชี้แจงผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2548 เรียน กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สิ่งที่ส่งมาด้วย 1. งบการเงินสอบทานแล้วไตรมาส 1 ปี 2548 ฉบับภาษาไทย 1 ฉบับ 2. งบการเงินสอบทานแล้วไตรมาส 1 ปี 2548 ฉบับภาษาอังกฤษ 1 ฉบับ ตามข้อบังคับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเรื่องการจัดทำและส่งงบการเงินและรายงานเกี่ยวกับฐานะ การเงินและผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียน พ.ศ. 2544 ที่กำหนดให้บริษัทจดทะเบียนจัดทำ และส่งงบการเงินรายไตรมาสที่ผู้สอบบัญชีได้สอบทานแล้ว โดยให้จัดส่งภายใน 45 วันนับแต่วันสุดท้าย ของแต่ละไตรมาส นั้น บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) จึงใคร่ขอนำส่งงบการเงินสำหรับไตรมาส 1 สิ้นสุด ณ วันที่ 31 มีนาคม 2548 ที่ผู้สอบบัญชีได้สอบทานแล้วและขอชี้แจงผลการดำเนินงานเพิ่มเติม เนื่องจากมีผลกำไรเปลี่ยนแปลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนเกินร้อยละ 20 ดังนี้ ผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2548 บริษัทฯ มีรายได้รวม 17,867 ล้านบาท มีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย และค่าเสื่อมราคา (EBITDA) +780 ล้านบาท มีดอกเบี้ยจ่ายสุทธิ (หักลบดอกเบี้ยรับ) 154 ล้านบาท มีค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย 190 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทฯ มีผลกำไรสุทธิ 438 ล้านบาท (เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันปี 2547 มีผลกำไรสุทธิ 646 ล้านบาท) ผลการดำเนินการดังกล่าวมีสาเหตุมาจากปัจจัยดังต่อไปนี้ 1) บริษัทฯ มีค่าการกลั่น (ไม่รวมกำไรจากสต๊อกน้ำมัน) 1.89 ดอลลาร์ สรอ.ต่อบาเรล ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีก่อนเล็กน้อยที่อยู่ที่ระดับ 1.93 ดอลลาร์ สรอ.ต่อบาเรล เนื่องจากความต้องการใช้น้ำมันได้ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตามสภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว ส่งผลให้ราคาน้ำมันเบนซินและดีเซลปรับตัวขึ้นสูงกว่าการปรับตัวขึ้นของน้ำมันดิบ ประกอบกับ บริษัทฯ ดำเนินกิจกรรมเพิ่มรายได้และลดต้นทุนร่วมกับบริษัทน้ำมันอื่นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีกำไรจากสต๊อกน้ำมันจำนวน 678 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันปีก่อนที่อยู่ที่ระดับ 405 ล้านบาท ส่งผลให้ในไตรมาส 1 ปี 2548 ค่าการกลั่นรวมอยู่ที่ระดับ 4.43 ดอลลาร์ สรอ.ต่อบาเรล โดยการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ระดับ 69 พันบาเรลต่อวัน ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีก่อนที่อยู่ที่ระดับ 96 พันบาเรลต่อวัน เนื่องจากมีการหยุดซ่อมแซมหน่วยกลั่นประจำปี เป็นเวลาประมาณ 30 วัน ส่งผลให้ระดับการกลั่นเฉลี่ยทั้งไตรมาสอยู่ในระดับต่ำกว่าปกติ 2) บริษัทฯ มีค่าการตลาด (ไม่รวมน้ำมันเครื่องบิน) อยู่ที่ระดับ 22 สตางค์ต่อลิตร ต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่อยู่ที่ระดับ 47 สตางค์ต่อลิตร ทั้งนี้เป็นผลมาจากการสภาวะการแข่งขัน ที่ค่อนข้างรุนแรง ประกอบกับมีการลดราคาขายน้ำมันแก๊สโซฮอล์ลงให้ต่ำกว่าราคาน้ำมันเบนซิน 95 ปกติ 1.50 บาท (แต่ทั้งนี้การลดราคาน้ำมัน แก๊สโซฮอล์ลงดังกล่าว ก็ส่งผลให้บริษัทฯ มียอดจำหน่าย น้ำมันแก๊สโซฮอล์เพิ่มขึ้นกว่า 3.8 เท่าตัว) นอกจากนี้ บริษัทฯ มีผลขาดทุนจากการขายน้ำมันเครื่องบิน จำนวน 131 ล้านบาท เนื่องจากสูตรราคาขายน้ำมันเครื่องบิน จะใช้ราคาน้ำมันเครื่องบินเฉลี่ยเดือนก่อนหน้า ในขณะที่ต้นทุนขายที่ธุรกิจการตลาดซื้อจากธุรกิจโรงกลั่นเป็นราคาน้ำมันเครื่องบินในเดือนส่งมอบนั้นๆ ส่งผลให้ในช่วงที่ราคาน้ำมันเครื่องบินมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น การจำหน่ายน้ำมันเครื่องบินจะมีผลขาดทุน แต่ในทางกลับกันหากเป็นช่วงที่ราคาน้ำมันเครื่องบินเริ่มคงที่หรือลดลง บริษัทฯ ก็จะมีกำไรกลับมาเช่นกัน 3) ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร จำนวน 373 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 84 ล้านบาท เนื่องจากค่าใช้จ่ายหลักที่เพิ่มขึ้นคือ ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับโครงการ Early Retirement ค่าโฆษณาและประชาสัมพันธ์ และค่าซ่อมบำรุงสถานีบริการ 4) บริษัทฯ มีดอกเบี้ยจ่าย 160 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน 83 ล้านบาท เป็นผลจาก การ Refinance หุ้นกู้เดิมส่วนใหญ่ด้วยเงินทุนใหม่ที่ได้จากการปรับโครงสร้างการเงิน นอกจากนี้ บริษัทฯ มีดอกเบี้ยรับ 6 ล้านบาท ลดลง 2 ล้านบาท จากการที่บริษัทฯ ได้รับวงเงินกู้จากธนาคารพาณิชย์ เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนตามแผนการปรับโครงสร้างการเงิน บริษัทฯ จึงไม่มีความจำเป็นต้องถือเงินสด เป็นจำนวนมากเพื่อเตรียมไว้ชำระค่าน้ำมันดิบ จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ ขอแสดงความนับถือ -ลงนาม- (นายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล) กรรมการผู้จัดการใหญ่ สำนักแผนกิจการและนักลงทุนสัมพันธ์ โทร. 0 -2335-4583