Executive Talk ของเราครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก

คุณภัทร์ภูรี ชินกุลกิจนิวัฒน์

รองกรรมการผู้จัดการใหญ่กลุ่มงานบัญชีและการเงิน (CFO)

Executive Talk ของเราครั้งนี้ได้รับเกียรติจากคุณภัทร์ภูรี ชินกุลกิจนิวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่กลุ่มงานบัญชีและการเงิน (CFO) ให้เกียรติมาพูดคุยกับเรากันนะคะ ซึ่งคุณภัทร์ภูรี หรือคุณเต้ยของเรา เดิมดำรงตำแหน่ง CFO ที่บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัท Flagship ในธุรกิจผลิตไฟฟ้าของกลุ่มบริษัทบางจาก และได้เข้ารับตำแหน่ง CFO ของกลุ่มบริษัทบางจาก เมื่อ 1 ตุลาคม 2565 ที่ผ่านมานี้ ขอแสดงความยินดีและขอต้อนรับคุณเต้ยอย่างเป็นทางการด้วยนะคะ

จากที่คุณเต้ยมีประสบการณ์บริหารงานเป็นระยะเวลานานและได้ร่วมงานกับหลายบริษัทในกลุ่มบริษัทบางจาก อยากให้ช่วยเล่าถึงภาพการบริหารงานบัญชีและการเงินของกลุ่มให้เราฟังได้ไหมคะ
ในแง่การบริหารบัญชีการเงินไม่ว่าอยู่บริษัทไหนโจทย์น่าจะคล้ายกันหน่วยงานบัญชีการเงินโดยปกติเป็นหน่วยงานที่มีข้อมูลเยอะที่สุดในบริษัทฯ จะสามารถใช้ข้อมูลให้เป็นประโยชน์ในการมองไปข้างหน้าและตัดสินใจอย่างไร ซึ่งอันนี้คือ Key Challenge ของ CFO ถ้าเทียบว่าเดิมอยู่บ้านเล็กๆ ที่บริษัทลูก ทุกคนก็ร่วมด้วยช่วยกันสร้างบ้านและวิ่งไปข้างหน้าให้เร็วสุด มีเวลาก็กลับมาสร้างบ้านให้แข็งแรง พอย้ายมาอยู่ที่บางจากบ้านใหญ่ ระบบระเบียบต่างๆ มีมากและเข้าที่ โจทย์สำคัญเริ่มเปลี่ยนเป็นการมีบริษัทลูกหลานเพิ่มมากขึ้น ทำอย่างไรถึงจะเอาเครื่องมือต่างๆ ไปช่วยลูกได้ ทำอย่างไรในการเอา Automation มาช่วยให้ได้มากขึ้น รวมถึงการเพิ่มทักษะของทีมงานของเราก็เป็นสิ่งที่สำคัญด้วยค่ะ
ทางกลุ่มบริษัทบางจากได้มีการประกาศแผนการลงทุนระยะยาวออกมา ซึ่งจะใช้เงินลงทุนมากถึง 200,000 ล้านบาท ในช่วงปี 2566-2573 อยากให้ช่วยอธิบายเพิ่มเติมหน่อยได้ไหมคะว่าการเติบโตจะเป็นไปในทิศทางใด และด้านบริหารการเงินจะช่วยสนับสนุนการเติบโตนี้ได้อย่างไรบ้างคะ?

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ท้าทายพอสมควรสำหรับกลุ่มบริษัทบางจาก ด้วยแผนการลงทุน ภาพจะเปลี่ยนไปหลากหลายมากขึ้น เราจะไม่ใช่แค่สถานีบริการและโรงกลั่นอีกต่อไปแล้ว ไม่ว่าเป็นธุรกิจไฟฟ้า ผลิตภัณฑ์ชีวภาพ ทรัพยากรธรรมชาติ และธุรกิจอื่นๆ ที่จะมีความหลากหลายเติมเข้ามาเยอะในระยะอีก 5 - 7 ปีข้างหน้านี้ ทางด้านสายบัญชีและการเงินของเรา เราจะต้องวางแผนให้ดี นอกจากเตรียมเงินให้พร้อมสำหรับการลงทุนแล้ว ยังต้องดูแลความมั่นคงและโครงสร้างทางการเงินให้ดีอีกด้วย โจทย์สำคัญคือ Balance Sheet ของบริษัทฯ ต้องแข็งแรงภายใต้ธุรกิจที่มีความผันผวนมาก ต้องมีการวางแผนที่ดีมากๆ เพื่อรองรับในกรณีที่ไม่เป็นตามคาด เราจะมีแผนสำรองเป็นอย่างไร

ในปี 2565 กลุ่มบริษัทบางจากได้รับการปรับเพิ่มอันดับเครดิตเป็น A (Stable) จาก A-(Stable) ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดีมาก การปรับอันเครดิตนี้สะท้อนมาจากความแข็งแกร่งของเราตรงส่วนไหน คุณเต้ยช่วยแชร์ให้เราได้ไหมคะ?

มองว่ามี 2 ส่วนค่ะ ส่วนแรกคือในระยะที่ผ่านมากลุ่มบริษัทบางจากมีการปรับตัวค่อนข้างมาก จะเห็นได้ว่าเรามีรายได้หรือ EBITDA ที่กระจายความเสี่ยงมากพอสมควรจะเห็นได้ในช่วง COVID-19 ที่ผ่านมา พิสูจน์ให้เห็นว่าเรามีกระแสรายได้ที่มั่นคง (Stable Income) ในขณะที่ธุรกิจโรงกลั่นเป็นขาลง ขณะเดียวกันบางจากก็มีวินัยทางด้านการเงินที่ดี เรามีการเตรียมความพร้อมด้านสภาพคล่องรองรับเผื่อไว้ในยามฉุกเฉินไว้ได้อย่างดีมาก ดังนั้น 2 ประเด็นนี้รวมกันทำให้ TRIS Rating เห็นความแข็งแรงของบริษัทค่ะ

ที่ผ่านมาบางจากฯ ไม่ได้ออกหุ้นกู้ที่เสนอขายให้กับนักลงทุนทั่วไปบ่อยนัก แต่ปี 2565 บางจากฯ ออกหุ้นกู้ให้ประชาชนทั่วไปได้ร่วมลงทุนกันผ่านทาง Application เป๋าตังค์ ด้วยจำนวน 3,000 ล้านบาท ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างงดงามทำขายหมดในเวลาประมาณ 3 นาทีเท่านั้น ต่อไปจะมีโอกาสออกหุ้นกู้ให้นักลงทุนรายย่อยได้รอซื้อกันอีกไหมคะ?

อันนี้เป็นเรื่องที่เราภูมิใจมาก เราได้ตรวจสอบกับทางเป๋าตังซึ่งได้ทราบว่าเราทำลายสถิติขายหมดเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ของเป๋าตังที่ออกหุ้นกู้ ต้องบอกว่าเป็นความภาคภูมิใจของเราและต้องขอขอบคุณนักลงทุนที่ไว้วางใจกับทางบางจาก ยิ่งทำให้เราเชื่อมั่นว่าเราพร้อมที่จะเติบโตไปในอนาคตข้างหน้า ดังนั้น แน่นอนว่าถ้ามีจังหวะเราต้องกลับมาออกหุ้นกู้ให้นักลงทุนกันอีกค่ะ

สุดท้ายนี้ คุณเต้ยมีอะไรอยากฝากไว้ไหมคะ?

กลุ่มบริษัทบางจากที่ผ่านมามีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างมาก เรามีความมั่นคงแข็งเรง ก้าวต่อไปในอีก 5 ปีข้างหน้าเรายังต้องโตต่อไปอีกมาก เราจึงต้องการความสนับสนุนจากภาคประชาชน ไม่ว่าจะเป็นผู้ถือหุ้น ผู้ถือหุ้นกู้ หรือกระทั่งนักวิเคราะห์ และสถาบันการเงิน ยังไงก็ขอให้ช่วยสนับสนุนกันต่อไปนะคะถ้ามีคำแนะนำก็สามารถส่งมาแจ้งกับทางบริษัทได้นะคะ ขอบคุณมากๆ ค่ะ


คุณภัทร์ภูรี ชินกุลกิจนิวัฒน์

รองกรรมการผู้จัดการใหญ่กลุ่มงานบัญชีและการเงิน (CFO)