กลุ่มบางจากฯ กับการดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel - SAF) รายแรกของไทย
Executive Talk ครั้งนี้เราได้รับเกียรติจาก
คุณกิตติพงศ์ ลิ่มสุวรรณโรจน์
รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปฏิบัติหน้าที่ที่บริษัท บีบีจีไอ จำกัด (มหาชน) (BBGI)
Executive Talk ครั้งนี้เราได้รับเกียรติจากคุณกิตติพงศ์ ลิ่มสุวรรณโรจน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปฏิบัติหน้าที่ที่บริษัท บีบีจีไอ จำกัด (มหาชน) (BBGI) มาพูดคุยกับเรา หลังจากที่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และบริษัท บีบีจีไอ จำกัด (มหาชน) ร่วมกับบริษัท ธนโชค ออยล์ ไลท์ ลงนามข้อตกลง ร่วมทุนจัดตั้งบริษัท บีเอสจีเอฟ จำกัด (BSGF) ด้วยงบลงทุน 8,000-10,000 ล้านบาท ในสัดส่วนการลงทุนโดยบางจากฯ 51% ธนโชค ออยล์ ไลท์ 29% และ บีบีจีไอ 20% เพื่อดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน หรือ SAF (Sustainable Aviation Fuel) จากน้ำมันใช้แล้วจากการทำอาหาร (Used Cooking Oil) เป็นรายแรกและรายเดียวในประเทศไทย
โดยการร่วมทุนครั้งนี้เป็นการนำประสบการณ์และความเชี่ยวชาญระหว่างพันธมิตรทั้ง 3 มาร่วมวางรากฐานที่มั่นคงให้กับบริษัท BSGF ทั้งในด้านการจัดหาวัตถุดิบ การผลิต และการจัดจำหน่าย ประสานความแข็งแกร่ง ระหว่าง บริษัท บางจากฯ ผู้ดำเนินการโรงกลั่นน้ำมันบางจาก โรงกลั่นแบบ Complex Refinery ที่ทันสมัย เป็นผู้บุกเบิกการรับซื้อน้ำมันใช้แล้วจากการทำอาหารในครัวเรือนเพื่อผลิตไบโอดีเซล ในประเทศไทยเป็นรายแรก และมีความเชี่ยวชาญในการค้าน้ำมันผ่านบริษัท BCP Trading จำกัด หรือ BCPT ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้ค้าน้ำมันอิสระอันดับหนึ่งในตลาดสิงคโปร์ บริษัท ธนโชค ออยล์ ไลท์ฯ ผู้มีประสบการณ์ในการจัดหาวัตถุดิบอย่างน้ำมันใช้แล้วจากการทำอาหารมายาวนาน และ บริษัท บีบีจีไอฯ ผู้นำอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงชีวภาพและผู้สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ชีวภาพมูลค่าสูง
คุณกิตติพงศ์ กล่าวว่า จากความชำนาญในการปฏิบัติการโรงงานไบโอดีเซล พร้อมด้วยเทคโนโลยี และ feedstock สำหรับการผลิต SAF ทำให้กลุ่มบีบีจีไอ สามารถสนับสนุนวัตถุดิบให้กับ หน่วยผลิต SAF ได้อย่างเพียงพอ ทั้งยังมีหน่วยที่สามารถปรับปรุงคุณภาพวัตถุดิบให้เหมาะสมกับกระบวนการผลิต SAF อาทิเช่น กรดไขมันปาล์มและน้ำมันใช้แล้ว อีกด้วย
“ผลิตภัณฑ์ SAF จากน้ำมันใช้แล้วในการทำอาหารนั้น เรียกได้ว่าส่งผลดีทั้งในเชิงเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม สอดคล้องกับ BCG Economy Model อย่างครบวงจร ตั้งแต่เศรษฐกิจชีวภาพ (Bio-economy) มุ่งเน้นการใช้ทรัพยากรชีวภาพเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม โดยเน้นการพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง เชื่อมโยงกับ เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) คำนึงถึงการนำวัสดุต่าง ๆ กลับมาใช้ประโยชน์ให้มากที่สุด และเศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) ที่ไม่ได้มุ่งเน้นเพียงการพัฒนาเศรษฐกิจ แต่ต้องพัฒนาควบคู่ไปกับการพัฒนาสังคมและการรักษาสิ่งแวดล้อมได้อย่างสมดุล ให้เกิดความมั่นคงและยั่งยืน ไปพร้อมกัน”
บริษัท BSGF จะเริ่มดำเนินธุรกิจด้วยการก่อสร้างหน่วยผลิต SAF จากน้ำมันใช้แล้วจากการทำอาหาร (Used Cooking Oil) ภายในบริเวณโรงกลั่นน้ำมันบางจาก ซึ่งคาดว่าจะเริ่มเปิดดำเนินการได้ ช่วงปลายปี ค.ศ. 2024 ด้วยกำลังการผลิตเริ่มต้น 1,000,000 ลิตรต่อวัน เป็นน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืนที่อุตสาหกรรมการบินทั่วโลกสามารถนำมาใช้ทดแทนได้ทันทีโดยไม่ส่งผลต่อเครื่องยนต์ ซึ่งจะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากอุตสาหกรรมการบินลงได้ประมาณ 80,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี (เทียบกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของเชื้อเพลิงการบินในปัจจุบัน)
BSGF พร้อมขยายเพิ่มกำลังการผลิตรองรับความต้องการใช้ SAF ในอนาคต ตามแนวโน้มความต้องการใช้ SAF ทั่วโลก สอดคล้องกับข้อกำหนดในสหภาพยุโรปที่กำหนดสัดส่วนการผสม SAF ในน้ำมันอากาศยานที่จะบินเข้าสู่สนามบินในสหภาพยุโรปเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง (จากการลงมติของสมาชิกสภายุโรป เมื่อต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา กำหนดไว้ที่ 2% ในปีค.ศ. 2025 และเพิ่มขึ้นเป็น 6%, 37% และ 85% ในปีค.ศ. 2030, 2040 และ 2050 ตามลำดับ) และสอดคล้องกับมาตรการขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International Civil Aviation Organization: ICAO) และสมาคมการบินระหว่างประเทศ (International Air Transport Association: IATA) ที่ให้การสนับสนุน เพื่อให้อุตสาหกรรมการบินทั่วโลกมุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero ในปี 2593
คุณกิตติพงศ์ ลิ่มสุวรรณโรจน์
รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปฏิบัติหน้าที่ที่บริษัท บีบีจีไอ จำกัด (มหาชน) (BBGI)