Executive Talk ครั้งนี้เราได้รับเกียรติจาก

คุณภัทร์ภูรี ชินกุลกิจนิวัฒน์

รักษาการรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานบัญชีและการเงิน บมจ. บางจาก คอร์ปอเรชั่น

ตอนนี้กลุ่มบางจากมีธุกิจในเครือและหลากหลาย อยากให้เล่าให้ฟังว่าตอนนี้มีกี่กลุ่มธุรกิจ

หลายๆ คนรู้จักบางจากฯ ในฐานะสถานีบริการน้ำมัน และโรงกลั่น แต่จริงๆ ในวันนี้ Portfolio ของเราขยายไปมาก วันนี้เรามี 5 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่

  1. ธุรกิจโรงกลั่นและค้าน้ำมัน
  2. ธุรกิจการตลาด หรือที่เราเห็นกันก็คือปั๊มน้ำมันนั่นเอง
  3. ธุรกิจไฟฟ้า ซึ่งเราดำเนินการในนาม บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) (BCPG)
  4. ธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพ ที่เราเพิ่งเอาเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไปเมื่อต้นปี 2565 นี้ นั่นก็คือ บริษัท บีบีจีไอ จำกัด (มหาชน) และ
  5. ธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติ อันนี้ก็อยู่ในตลาดเช่นกันที่ตลาดหลักทรัพย์นอร์เวย์ ชื่อ OKEA

ถ้ามองในแง่ของกำไรในช่วง 6 เดือน 2565 ที่ผ่านมา ตัวที่เด่นที่สุดคือธุรกิจโรงกลั่น อย่างที่ทุกท่านได้ทราบว่าช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาราคาน้ำมันและค่าการกลั่นอยู่ในระดับสูง ผลจากการปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตที่เราทำมาต่อเนื่อง ทำให้สามารถกลั่นได้สูงกว่ากำลังการผลิตติดตั้งเดิม ซึ่งอันนี้ก็ได้ให้ผลกำไรกลับมาค่อนข้างมาก อันที่ 2 คือธุรกิจตลาดที่เดิมทีอาจมีการซบเซาบ้างในช่วง COVID-19 ตอนนี้เราเริ่มเห็นการฟื้นตัวอย่างชัดเจน ปริมาณการจำหน่ายทั้ง Oil และ Non-Oil เพิ่มขึ้น ส่วนค่าการตลาดเองก็ได้รับปัจจัยบวกที่ทางภาครัฐเริ่มผ่อนคลายเพดานราคาในช่วงไตรมาส 2 ที่มีการปลดล็อคตรงนี้มากขึ้น และ 3.ธุรกิจโรงไฟฟ้ามีการรับรู้รายได้จากการขายไฟเพิ่มขึ้น ที่มีการ COD โครงการโรงไฟฟ้า 2 โรงรวม 45 MW ที่ญี่ปุ่น ขณะเดียวกันก็ได้มีการขายเงินลงทุนโครงการ Geothermal ที่อินโดนีเซียออกไปมีการรับรู้กำไร 2,000 กว่าล้านบาท เพื่อเป็นการปรับ Portfolio เตรียมพร้อมการลงทุนที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไปของ BCPG

ในอนาคตมีโอกาสที่จะขยาย portfolio ไปเพิ่มเติมอีกไหมครับ?
แน่นอนเรื่องของโรงกลั่นก็จะยังอยู่ค่ะ ตอนนี้เราก็เริ่มประกาศแล้วว่าจะขยายการผลิตไปสู้ผลิตภัณฑ์ใหม่เรียกว่า SAF (Sustainable Aviation Fuel) ซึ่งเป็นการผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงเครื่องบินยั่งยืนจากน้ำมันพืชที่ใช้แล้ว เราเป็นรายแรกและรายเดียวของประเทศไทยที่ประกาศทำตัวนี้ กำลังการผลิตที่ 100,000 ลิตรต่อวัน พร้อมขายไตรมาส 4 ปี 2567 เราตั้งงบลงทุนไว้เกือบ 10, 000 ล้านบาท อีกอันที่จะเห็นการเติบโตค่อนข้างเยอะ แผนการปรับ Portfolio เราจะมุ่งไปทางธุรกิจสีเขียว เราจะมีการใส่งบลงทุนไปค่อนข้างมาก และ BCPG เองก็จะมีการขยายไปลงทุนในเทคโนโยลีใหม่ ไม่ว่าจะเป็น Energy Storage และ Carbon Trading มากขึ้น อีกตัวนึงคือน้องใหม่ของเรา BBGI ซึ่งจะเป็นส่วนนึงของการผลิต SAF และตัวเค้าเองก็จะขยายไปสู่ผลิตภัณฑ์เผื่อสุขภาพมากขึ้น และผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูงพัฒนาจาก Synthetic Biotechnology มากขึ้น
แผนลงทุนระยะยาวในช่วง 5 ปีข้างหน้าจะเป็นอย่างไรบ้าง ช่วยแชร์ให้เห็นภาพได้ไหมครับ?
ในแง่ของการลงทุน 5 ปียังมองว่าจะประมาณ 100,000 ล้านบาท ในภาพนี้ด้วยความที่จะปรับไป Green Portfolio มากขึ้น ดังนั้นเม็ดเงินลงทุนก็จะไปอยู่ที่ BCPG ค่อนข้างเยอะ โดยที่ BCPG เองก็จะมีการ Allocate บางส่วนไปสู่แง่ของ Battery Energy Storage และ Digital Technology มากขึ้น นอกจากนั้นก็จะมีส่วนของ SAF ที่กล่าวถึงไปประมาณ 10,000 ล้านบาท และธุรกิจตลาดเองก็ยังต้องขยายในเรื่องจำนวนสถานีบริการ ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีคุณภาพสูง เป็นค้าปลีกน้ำมันที่สมบูรณ์แบบมากขึ้นวางเป้าหมายไว้ประมาณ 10,000 ล้านบาท ส่วนทาง BBGI ก็จะมีการขยายเรื่อง Synthetic Biology ซึ่งวางงบลงทุนไว้หลายพันล้านบาทเช่นกัน
บางจากฯ มุ่งสู่ Green Portfolio ชัดเจน และด้วยภาพลักษณ์และการสื่อสารของกลุ่มบางจากฯ ยังมีการกำหนดเป้าหมาย Net zero เป็นรายแรกๆ ของไทยด้วยนะครับ

ในองค์กรเราคุยกันเรื่องนี้ค่อนข้างเยอะค่ะ และได้พัฒนาเป็นกลยุทธ์ของบริษัทเลย เราจะหนุนการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน โดยเป้าหมายของเรามี 2 step อันแรกคือ Carbon Neutrality ปี 2030 (พ.ศ. 2573) อันที่สองคือ Net Zero ภายในปี 2050 (พ.ศ. 2593) โดยได้กำหนดแผนออกมากเป็น “BCP 316 net”

B - Breakthrough Performance: เราตั้งเป้าว่าจะลดการปล่อยคาร์บอนให้ได้ 30% จากปีฐานปี 2562 ซึ่งจะทำโดยการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต การใช้เทคโนโลยีเพื่อลดการใช้เชื้อเพลิงในโรงกลั่น เปิดสถานีบริการแบบ Net Zero รวมถึงการใช้จากระบบกักเก็บพลังงานของ BCPG

C - Conserving Nature and Society: ส่วนนี้ลดการปล่อยคาร์บอน 10% ผ่านการดูดดซับโดยวิธีธรรมชาติกิจกรรมที่มุ่งเน้นคือเพิ่มพื้นที่ในการดูดซับคาร์บอนแบบธรรมชาติ โดย 2 พื้นที่ในระบบนิเวศน์ คือ Green Carbon จากป่า เช่นการปลูกป่ากับกรมป่าไม้ หรือในพื้นที่ของ BCPG ที่เราวางแผนไว้ในระยะ 5 ปีข้างหน้า และ Blue Carbon เป็นการปลูกป่าในแนวแหล่งป่าชายเลน หญ้าทะเล ตอนนี้มีการศึกษาความเป็นไปได้ในการใช้แหล่งหญ้าทะเลช่วยเก็บก๊าซเรือนกระจกในแนวปะการัง บริเวณเกาะหมากและเกาะกระดานที่ จ.ตราดเป็นต้น

P - Proactive Business Growth and Transition: เน้นการลดการปล่อยคาร์บอน 60% คืออย่างที่เรียนไปว่าเราจะปรับ Portfolio ไปสู่พลังงานสะอาดจะเพิ่มสัดส่วนของธุรกิจสีเขียวเข้ามาเป็นอย่างน้อย 50% ในปี 2573 ตลอดจนเราก็จะส่งเสริมให้เกิดตลาดการซื้อขายคาร์บอนเครดิตเพื่อชดเชยการปล่อยคาร์บอนด้วย

ในภาพนี้จะทำให้เราไปถึง Carbon Neutrality ในปี 2573 แต่ทางที่จะเดินไป Net Zero เราต้องสร้างระบบนิเวศน์ของ Low Carbon Society ขึ้นมาจิ๊กซอว์หลายๆ อย่างเลย เช่น

  1. ให้บริการและจำหน่ายเชื้อเพลิงคาร์บอนต่ำ
  2. การสร้างแพลทฟอร์ม Winnonie ธุรกิจให้เช่ารถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า
  3. สร้างวัฒนธรรมคาร์บอนต่ำในองค์กรที่เรารณรงค์อย่างต่อเนื่อง
  4. ร่วมก่อตั้ง Synbio Consortium
  5. ร่วมก่อตั้ง Carbon Market Club ส่งเสริมการซื้อขายคาร์บอนเครดิตซึ่งได้มีการเชิญภาคธุรกิจต่างๆเข้ามาร่วมกับเรา

หลายๆเรื่องนี้เป็นแค่ตัวอย่าง ใช้ Effort ค่อนข้างเยอะ เป้าหมาย Net Zero เลยถูกกำหนดไว้ภายในปี 2593 ค่ะ

เห็นภาพได้ชัดเลยว่าสิ่งที่บางจากกำลังเป็นการทำเพื่อสิ่งแวดล้อมแต่ในขณะเดียวกันก็ให้ผลตอบแทนที่ดีต่อผู้ถือหุ้นได้อย่างยั่งยืนด้วยครับ


คุณภัทร์ภูรี ชินกุลกิจนิวัฒน์

รักษาการรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานบัญชีและการเงิน บมจ. บางจาก คอร์ปอเรชั่น