การเข้าซื้อหุ้นของ บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
Executive Talk ครั้งนี้เราได้รับเกียรติจาก
คุณชัยวัฒน์ โควาวิสารัช
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจากและกรรมการผู้จัดการใหญ่
Executive Talk ครั้งนี้คุณชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจากและกรรมการผู้จัดการใหญ่ (CEO) จะเล่าให้เราฟังถึงการเข้าซื้อหุ้นของ บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ที่ทางบางจากฯ ได้แจ้งข่าวต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ไปเมื่อ 12 ม.ค. 2566 นี้กันนะคะ
- การลงทุนครั้งนี้เป็นการลงทุนที่เป็นก้าวสำคัญของกลุ่มบางจากฯ คุณชัยวัฒน์ มองเห็นอะไรจาก Deal ที่สำคัญระดับประเทศในครั้งนี้คะ?
-
ผมมองว่าการลงทุนในครั้งนี้ มี 3 ดี ด้วยกัน
- ดีต่อประเทศ เพราะถือเป็นการลงทุนที่จะได้สินทรัพย์เชิงยุทธศาสตร์ด้านพลังงาน เป็นการสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศมากขึ้น เดิมสัดสวนหุ้น 65.99% ถือโดยชาวต่างชาติ ต่อไปจะมาเป็นของคนไทย ช่วยให้ประเทศไทยพึ่งตัวเองได้มากขึ้น
- ดีต่อผู้บริโภค เพราะผู้บริโภคจะเข้าถึงพลังงานในราคาที่สมเหตุสมผลมากขึ้น และเข้าถึงผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ ของบางจากฯ ได้สะดวกมากขึ้น
- ดีต่อบางจากฯ เนื่องจากบางจากฯ จะแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น มีกำลังการกลั่นสูงที่สุดในประเทศไทย (กำลังการกลั่นรวมเกือบ 3 แสนบาร์เรลต่อวัน) ขณะที่สถานีบริการเราจะมีสถานีบริการรวมกันประมาณ 2,100 สถานี
- การเข้าทำธุรกรรมนี้ และกรอบระยะเวลาการดำเนินการขั้นต่อไปเป็นยังไงบ้างคะ?
- บางจากฯ ได้เข้าทำสัญญา Share Purchase Agreement เพื่อเข้าซื้อหุ้นของบริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) จากบริษัท ExxonMobil Asia Holdings Pte. Ltd. สัดส่วนร้อยละ 65.99 ของหุ้น เมื่อวันที่ 11 ม.ค. 2566 ที่ผ่านมา ซึ่งการซื้อขายหุ้นจะเกิดขึ้นต่อเมื่อการดำเนินการตามเงื่อนไขต่างๆ เสร็จสิ้น และเมื่อเสร็จสิ้นการซื้อหุ้นของเอสโซ่ประเทศไทยจำนวน 65.99% จาก ExxonMobil แล้ว บางจากฯ จะต้องทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ที่เหลือทั้งหมดของเอสโซ่ประเทศไทย (ประมาณร้อยละ 34.01 ของหุ้น) ซึ่งคาดการณ์ว่าธุรกรรมต่างๆ จะแล้วเสร็จภายในครึ่งหลังของปี 2566
- สำหรับโรงกลั่นบางจากฯ และเอสโซ่ การผนึกกำลังทางธุรกิจนี้ให้ประโยชน์หลายด้านเลยทีเดียว
-
ใช่ครับ
- กำลังการผลิตติดตั้ง (Nameplate Capacity) ของโรงกลั่นที่เพิ่มขึ้น โดยบางจากฯ จะเป็นเจ้าของและประกอบกิจการโรงกลั่นซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงที่เข้าถึงสถานที่รับน้ำมันดิบที่สำคัญ และเหมาะกับเรือขนส่งน้ำมันขนาดใหญ่มาก หรือ Very Large Crude Carrier: VLCC นำมาซึ่งการสรรหาและขนส่งน้ำมันดิบร่วมกัน
- เทคโนโลยีการกลั่นที่ต่างกัน มีความสามารถในการกลั่นน้ำมันได้สัดส่วนผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างกัน ทำให้ต่อไปโรงกลั่นทั้ง 2 แห่ง จะมีความยืดหยุ่นในการจัดหาและผลิตน้ำมันมากขึ้น และมีโอกาสในการผลิต High Value Specialty Products มากขึ้น ซึ่งโดยรวมแล้วผมมองว่าโรงกลั่นทั้ง 2 แห่ง จะสามารถสร้างผลตอบแทนของผลิตภัณฑ์ต่างๆ สะท้อนออกมาในค่าการกลั่น (Gross Refinery Margin: GRM) ที่เพิ่มสูงขึ้นได้
- ต้นทุนระบบขนส่งโลจิสติกส์ที่จะปรับลดลงจากประโยชน์ที่ได้ระบบโครงสร้างพื้นฐานและระบบท่อส่งร่วมกับเอสโซ่ประเทศไทย (มีท่าเรือของตัวเองและมีท่าเรือร่วมกับไทยออยล์รวมถึงมีคลังน้ำมัน 2 แห่ง ที่ลำปางและศรีราชา) บางจากฯ จะเป็นรายเดียวที่มีเข้าถึงท่อส่งน้ำมันทั้งสองเส้นทาง
นอกจากนี้ Synergy ที่จะเกิดขึ้น ยังรวมถึงการลดลงของค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับ Back Office ต่างๆ จากการประหยัดต่อขนาดของกลุ่มบางจากฯ ที่จะเติบโตขึ้น ซึ่งเราก็คาดว่า Synergy ที่กล่าวมา จะลดลงได้ประมาณ 1.5 - 2.0 พันล้านบาท
- การเข้าซื้อหุ้นในครั้งนี้มีราคาซื้อขายโดยประมาณที่ 8.84 บาทต่อหุ้น มีที่มาอย่างไรคะ?
-
ราคาอ้างอิงจากมูลค่ากิจการ (Enterprise Value) ที่ประเมินไว้ราว 55,500 ล้านบาท ซึ่งประเมินตามวิธีคิดลดกระแสเงินสด (Discounted Cash Flow) จากข้อมูลฐาน ณ สิ้นเดือน มิ.ย. 2565 โดยราคาประเมินจะมีกลไกการปรับราคาตามงบการเงินล่าสุด ณ วันที่ทำธุรกรรมแล้วเสร็จ เพื่อสะท้อนการเปลี่ยนแปลงในหนี้สินสุทธิ เงินทุนหมุนเวียน มูลค่าน้ำมันคงคลัง สินทรัพย์ทางการเงินอื่นๆ และมูลค่าสินค้าคงเหลือของกิจการนำเข้าผลิตภัณฑ์หล่อลื่นและสารละลายเคมีภัณฑ์ซึ่งเป็นกิจการที่ไม่เป็นส่วนหนึ่งของธุรกรรม ซึ่งขอยกตัวอย่างตามงบการเงิน ณ วันที่ 30 มิ.ย. 2565 และ 30 ก.ย.2565 ภายใต้สมมติฐานดังกล่าวนี้ มูลค่ารวมของหุ้นที่ซื้อขายจะเท่ากับ 20,198 - 21,982 ล้านบาท หรือ 8.84 - 9.63 บาทต่อหุ้น ซึ่งราคาของหุ้นที่ซื้อขาย ณ วันที่เข้าทำธุรกรรมแล้วเสร็จอาจเพิ่มขึ้นหรือลดลงซึ่งจะเป็นไปตามหลักการข้างต้นครับ
งบแสดงฐานะการเงิน (ล้านบาท) ใช้ประกอบการอธิบายเท่านั้น วันที่ 30 มิ.ย. 2565 30 ก.ย. 2565 มูลค่ากิจการ 55,500 55,500 (-) หนี้สินสุทธิ และรายการเทียบเท่าหนี้สิน (25,584) (41,637) (+) รายการปรับปรุงทางการเงินอื่น 2,838 2,914 (+) การปรับปรุงเงินทุนหมุนเวียนบางรายการ 2 13,178 (+) เงินทุนหมุนเวียน ณ วันที่ในงบการเงิน (8,902) 1,399 (+)เงินทุนหมุนเวียนที่ใช้อ้างอิง 9,457 9,457 (-) การปรับปรุงสินค้าคงเหลือไฮโดรคาร์บอนโดยอ้างอิงปริมาณและราคาอ้างอิง (554) 2,322 (+) การปรับปรุงรายการอื่นๆ ตามสัญญาซื้อขายหุ้น 557 654 = มูลค่าส่วนของผู้ถือหุ้น 33,312 30,608 / จำนวนหุ้นในเอสโซ่ (ล้านหุ้น) 3,461 3,461 = ราคาซื้อขายต่อหุ้น (บาท/หุ้น) 9.63 8.84 x จำนวนหุ้นที่ซื้อขาย (ล้านหุ้น) 2,284 2,284 = มูลค่ารวมของหุ้นที่ซื้อขาย 21,982 20,198 - บางจากฯ จะใช้แหล่งเงินทุนจากไหนมาใช้ในการเข้าซื้อหุ้นครั้งนี้
- บริษัทจะใช้วงเงินสินเชื่อที่ได้รับจากสถาบันการเงินเป็นหลัก ซึ่งเพียงพอสำหรับการเข้าทำธุรกรรมการซื้อขายหุ้น และการทำคำเสนอซื้อหุ้นที่เหลือของเอสโซ่ รวมถึงการจัดหาสินเชื่อเพื่อใช้ในการทดแทนเงินกู้ระหว่างเอสโซ่กับบุคคลภายนอกและบุคคลที่เกี่ยวข้อง รวมถึงอาจจะพิจารณาใช้เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดของบริษัทที่มีอยู่บางส่วน เพื่อธุรกรรมในครั้งนี้เช่นกันครับ (ณ วันที่ 30 ก.ย. 2565 บางจากฯ มีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด 33,288 ล้านบาท)
- ท้ายนี้ คุณชัยวัฒน์ มีอะไรอยากฝากถึงผู้ลงทุน?
-
บางจากฯ ยังคงให้ความสำคัญในเรื่องการสร้างสมดุลทางพลังงาน ซึ่งการลงทุนนี้เป็นการสร้างสมดุลในทั้ง 3 ด้าน ผมมองว่าการลงทุนนี้เป็นการสร้างสมดุลในทั้ง 3 ด้าน
ความมั่นคงทางพลังงาน
- โรงกลั่นน้ำมันที่มีความสำคัญต่อความมั่นคงทางพลังงานของประเทศ จะมาเป็นของบริษัทไทย
- มีคลังน้ำมันและสินค้าที่กำลังการผลิตสูงประมาณ 15 ล้านบาร์เรล ซึ่งจะช่วยเพิ่มจำนวนเชื้อเพลิงสำรองและความมั่นคงทางด้านพลังงาน
ความสามารถในการเข้าถึงพลังงานในราคาที่เหมาะสม
- เครือข่ายการขนส่งน้ำมันมีความกว้างขวางและครอบคลุมมากขึ้น ช่วยให้จัดหาน้ำมันให้แก่ลูกค้าในราคาที่แข่งขันได้
- มีความได้เปรียบทางโครงสร้างด้านต้นทุนค่าใช้จ่ายเพื่อให้สามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์แก่ผู้บริโภคในราคาที่เหมาะสม
ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม
- สามารถดำรงมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมที่สูงและดำเนินการเปลี่ยนผ่านพลังงานได้อย่างรวดเร็วโดยการใช้กระแสเงินสดส่วนเกิน
การลงทุนนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนยุทธศาสตร์ระยะยาวของบางจากฯ เป็นอีกบทที่สำคัญของบางจากฯ ที่จะมีสมาชิกครอบครัวเพิ่มจากเอสโซ่ประเทศไทย ซึ่งมีประสบการณ์ยาวนานในธุรกิจนี้ ครอบครัวบางจากฯ จะใหญ่ขึ้น แข็งแกร่งมั่นคงมากขึ้น และจะเติบโตเป็นบริษัทที่ยั่งยืน 100 ปี ต่อไป
หากนักลงทุนสนใจข้อมูลเพิ่มเติมของธุรกรรมนี้ ท่านสามารถเข้าดู webcast การชี้แจงข้อมูลของทางบริษัทเพิ่มเติมได้จาก https://investor.bangchak.co.th/th/document/presentations
คุณชัยวัฒน์ โควาวิสารัช
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจากและกรรมการผู้จัดการใหญ่