) MD&A ไตรมาส 2 (30 มิ.ย.50)

ว่าโครงการฯดังกล่าวจะสามารถเริ่มการผลิตเชิงพาณิชย์ ได้ในช่วงไตรมาส 4 ปี 2551 และคาดว่าจะทำให้บริษัทฯสามารถ เพิ่ม EBITDA จากระดับเฉลี่ย 2,000-4,000 ล้านบาท เป็นประมาณ 6,000-8,000 ล้านบาท หลังจากที่โครงการฯ ดำเนินการแล้วเสร็จสมบูรณ์ และดำเนินการผลิตอย่างเต็มที่ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับภาวะราคาน้ำมัน ณ ขณะนั้นๆ ซึ่งโครงการ PQI ขณะนี้ได้เริ่มดำเนินการแล้วโดยมีมูลค่าการลงทุนรวมเงินลงทุนสำรองกรณีมีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการ (Contingency Reserve) ทั้งสิ้น 15,369 ล้านบาท หรือคิดเป็นประมาณ 378 ล้านเหรียญสหรัฐ สัญญาก่อสร้างโครงการ PQI นี้เป็นลักษณะราคาก่อสร้างคงที่ มีกำหนดเวลาก่อสร้างที่แน่นอน และรับประกันผลงาน โดยบริษัทได้จัดจ้าง บริษัท CTCI Overseas Corporation Limited และ CTCI (Thailand Co., Ltd.) เป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง ในส่วนของการ จัดหาเงินทุนสำหรับโครงการดังกล่าวได้ดำเนินการแล้วเสร็จครบถ้วนตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม 2549 ขณะนี้อยู่ ระหว่างการก่อสร้างโดยมีความคืบหน้าโครงการสิ้นสุดเดือนมิถุนายน 2550 คิดเป็นร้อยละ 34.1 เมื่อเทียบจากแผนที่ วางไว้ที่ร้อยละ 33.6 นอกจากระดับราคาน้ำมันที่ผันผวนจะส่งผลกระทบสำคัญต่อผลการดำเนินงานของบริษัทฯแล้ว ปัจจัยอีก ประการหนึ่งที่อาจมีผลต่อผลการดำเนินงานและฐานะการเงินในอนาคตของบริษัทฯคือ ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากในการซื้อและขายน้ำมันนั้น บริษัทฯจะบันทึกรายการเจ้าหนี้การค้าและรายการลูกหนี้การค้าโดยมีการอ้างอิง ราคาอยู่กับสกุลเงินเหรียญสหรัฐ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนจะส่งผลต่อมูลค่าของสินทรัพย์สุทธิ แต่ทั้งนี้ บริษัทฯก็มีนโยบายที่จะปรับสัดส่วนสินทรัพย์และหนี้สินที่อยู่ในรูปสกุลเงินเหรียญสหรัฐ ให้อยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกันเมื่อมี ความพร้อม โดยปัจจุบันบริษัทฯได้ดำเนินการทำประกันความเสี่ยงดังกล่าวโดยใช้เครื่องมือทางการเงินที่มีอยู่ในตลาด แล้วบางส่วน ซึ่งบริษัทฯมีคณะกรรมการที่ประกอบด้วยผู้บริหารระดับสูงที่คอยติดตามและบริหารความเสี่ยงดังกล่าวอย่าง ใกล้ชิด