นำส่งงบการเงินก่อนสอบทานและชี้แจงผลการดำเนินงานไตรมาส2ปี2547

ที่ 1000 / 168 / 2547 30 กรกฎาคม 2547 เรื่อง นำส่งงบการเงินก่อนสอบทาน และชี้แจงผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2547 เรียน กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สิ่งที่ส่งมาด้วย 1. งบการเงินก่อนสอบทานไตรมาส 2 ปี 2547 ฉบับภาษาไทย 1 ฉบับ 2. งบการเงินก่อนสอบทานไตรมาส 2 ปี 2547 ฉบับภาษาอังกฤษ 1 ฉบับ ตามที่บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) ได้มีการจัดส่ง งบการเงินก่อนสอบทานและก่อนตรวจสอบตามแนวทางการนำส่งงบการเงิน ก่อนสอบทานและก่อนตรวจสอบโดยผู้สอบบัญชี ของตลาดหลักทรัพย์แห่ง ประเทศไทย นั้น บริษัทฯ ใคร่ขอนำส่งงบการเงินก่อนสอบทานโดยผู้สอบบัญชี สำหรับ ไตรมาส 2 ปี 2547 สิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2547 และขอชี้แจง ผลการดำเนินงานเพิ่มเติม เนื่องจากมีผลกำไรขาดทุนเปลี่ยนแปลงจาก งวดเดียวกันของปีก่อนเกินร้อยละ 20 ดังนี้ ผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2547 บริษัทฯ มีรายได้รวม 18,297 ล้านบาท มีกำไรก่อนหักดอกเบี้ยและค่าเสื่อมราคา (EBITDA) +1,003 ล้านบาท มีดอกเบี้ยจ่ายสุทธิ (หักลบดอกเบี้ยรับ) 180 ล้านบาท มีค่าเสื่อมราคาและค่า ตัดจำหน่าย 184 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทฯ มีผลกำไรสุทธิ 647 ล้านบาท (ช่วงเดียวกันปี 2546 มีผลขาดทุนสุทธิ 913 ล้านบาท) ผลการดำเนินการ ดังกล่าวมีสาเหตุมาจากปัจจัยดังต่อไปนี้ 1.ในไตรมาส 2 ปี 2547 ค่าการกลั่น (ไม่รวมผลกำไรจากสต๊อกน้ำมัน) อยู่ที่ระดับ 1.99 $/BBL เนื่องจากความต้องการใช้น้ำมันได้ปรับตัวสูงขึ้น ตามสภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับ บริษัทฯ ได้มีการ ร่วมมือในกิจกรรมเพิ่มรายได้และลดต้นทุนร่วมกับบริษัทน้ำมันอื่น นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้เพิ่มปริมาณการกลั่นขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 85 KBD โดยเพิ่มขึ้น จากช่วงเดียวกันปีก่อน 13 KBD แต่ลดลงจากไตรมาส 1 ปี 2547 เนื่องจาก บริษัทฯ ได้มีการหยุดซ่อมบำรุงหน่วยกลั่น 2 ขนาด 40 KBD เป็นระยะเวลา 25 วัน เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันปี 2546 ค่าการกลั่น (ไม่รวมผลกำไรจาก สต๊อกน้ำมัน) อยู่ที่ระดับ 1.85 $/BBL จากราคาน้ำมันเตาที่ปรับตัวสูงขึ้น อย่างมากตามแรงซื้อจากประเทศญี่ปุ่นเพื่อใช้ในการผลิตไฟฟ้าทดแทนโรงไฟฟ้า นิวเคลียร์ที่หยุดซ่อมแซม ประกอบกับ ความวิตกในสถานการณ์สงครามระหว่าง สหรัฐฯ และอิรักส่งผลให้ค่าการกลั่นยังอยู่ในระดับสูง 2.ในไตรมาส 2 ปี 2547 บริษัทฯ มีกำไรจากสต๊อกน้ำมัน (FX & Price Effects) จำนวน 577 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกัน ปี 2546 ที่มีขาดทุน จากสต๊อกน้ำมันจำนวน 770 ล้านบาท จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงประมาณ 7 $/BBL หลังสงครามระหว่างสหรัฐฯ และอิรักเกิดขึ้น (หน่วย:ล้านบาท) ไตรมาส 2'47(A) ไตรมาส 2'46(B) เพิ่ม+/ลด- (ก่อนสอบทาน) (สอบทานแล้ว) (A)-(B) EBITDA +1,003 -391 +1,394 หัก กำไรจากสต๊อกน้ำมัน +577 -770 +1,347 Adjusted EBITDA +426 +379 +47 3.ในไตรมาส 2 ปี 2547 ค่าการตลาดน้ำมันสำเร็จรูป (ไม่รวมน้ำมันเครื่องบิน) อยู่ที่ระดับ 0.44 บาท/ลิตร ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งอยู่ที่ระดับ 0.40 บาท/ลิตร เป็นผลสืบเนื่องมาจากนโยบายการตรึงราคาน้ำมันของภาครัฐ ส่งผลให้ค่าการตลาดคงที่ ทั้งนี้ บริษัทฯ มีปริมาณการขายน้ำมันสำเร็จรูป เพิ่มขึ้นทุกช่องทางการจำหน่าย เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน โดยปริมาณ การจำหน่ายน้ำมันผ่านสถานีบริการปรับเพิ่มขึ้น 6.4% ส่วนปริมาณการจำหน่าย น้ำมันเตาผ่านตลาดอุตสาหกรรมก็เพิ่มขึ้น 2.8% จากการที่บริษัทฯ ชะลอ การจำหน่ายในตลาดขายส่งเพื่อรักษาค่าการตลาดให้อยู่ในระดับสูง 4.ในไตรมาส 2 ปี 2547 บริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร 304 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน 24 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายที่ลดลง ประกอบด้วย ค่าซ่อมแซมสถานีบริการลดลง 7 ล้านบาท ค่าโฆษณาลดลง 5 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายภาษีและเบี้ยประกันภัยลดลง 5 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ลดลง 7 ล้านบาท 5.ในไตรมาส 2 ปี 2547 บริษัทฯ มีดอกเบี้ยจ่าย 183 ล้านบาท ลดลงจาก ช่วงเดียวกันปีก่อน 94 ล้านบาท เป็นผลจากการ Refinance หุ้นกู้เดิม ส่วนใหญ่ด้วยเงินทุนใหม่ที่ได้จากการปรับโครงสร้างการเงิน นอกจากนี้ บริษัทฯ มีดอกเบี้ยรับ 3 ล้านบาท ลดลง 5 ล้านบาท จากการที่บริษัทฯ ได้รับ วงเงินกู้จากธนาคารพาณิชย์เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนตามแผนการปรับ โครงสร้างการเงิน บริษัทฯ จึงไม่มีความจำเป็นต้องถือเงินสดเป็นจำนวนมาก เพื่อเตรียมไว้ชำระค่าน้ำมันดิบ จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ ขอแสดงความนับถือ (นายวัฒนา โอภานนท์อมตะ) รักษาการรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานด้านบริหารและเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักแผนกิจการและนักลงทุนสัมพันธ์ โทร. 0 -2335-4583