ชี้แจงผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2549

ที่ 1000 / 119 / 2549 28 เมษายน 2549 เรื่อง นำส่งงบการเงินก่อนสอบทาน และชี้แจงผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2549 เรียน กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สิ่งที่ส่งมาด้วย 1. งบการเงินก่อนสอบทานไตรมาส 1 ปี 2549 ฉบับภาษาไทย 1 ฉบับ 2. งบการเงินก่อนสอบทานไตรมาส 1 ปี 2549 ฉบับภาษาอังกฤษ 1 ฉบับ ตามที่บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) ได้มีการจัดส่งงบการเงินก่อนสอบทานและก่อนตรวจสอบ ตามแนวทางการนำส่งงบการเงินก่อนสอบทานและก่อนตรวจสอบโดยผู้สอบบัญชีของตลาดหลักทรัพย์แห่ง ประเทศไทย นั้น บริษัทฯ ใคร่ขอนำส่งงบการเงินก่อนตรวจสอบโดยผู้สอบบัญชี สำหรับไตรมาส 1 ปี 2549 สิ้นสุด ณ วันที่ 31 มีนาคม 2549 และขอชี้แจงผลการดำเนินงานเพิ่มเติม ดังนี้ ผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2549 บริษัทฯ มีรายได้รวม 26,510 ล้านบาท มีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย และค่าเสื่อมราคา (EBITDA) +1,320 ล้านบาท มีดอกเบี้ยจ่ายสุทธิ (หักลบดอกเบี้ยรับ) 149 ล้านบาท มีค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย 209 ล้านบาท ทำให้มีกำไรก่อนภาษีเงินได้ 899 ล้านบาท เมื่อหักภาษีเงินได้ จำนวน 233 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทฯ มีผลกำไรสุทธิ 666.21 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้นที่ 0.97 บาทต่อหุ้น (เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2548 มีผลกำไรสุทธิ 438 ล้านบาท) ผลการดำเนินงานดังกล่าวมีสาเหตุ มาจากปัจจัยดังต่อไปนี้ 1) บริษัทฯ มีค่าการกลั่น (ไม่รวมกำไรจากสต๊อกน้ำมัน) 3.31 ดอลลาร์ สรอ.ต่อบาเรล สูงกว่าช่วงเดียวกัน ของปีก่อนที่อยู่ที่ระดับ 1.89 ดอลลาร์ สรอ.ต่อบาเรล โดยบริษัทได้ดำเนินการเลือกประเภทของน้ำมันดิบ เข้ากลั่นอย่างระมัดระวัง โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด และสอดคล้องกับสภาพความต้องการ ของตลาด อีกทั้งปริษัทยังมีกำไรจากสัญญาซื้อขายน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์น้ำมันล่วงหน้าที่บริษัทฯ ได้ทำประกัน ความเสี่ยงเพื่อป้องกันความผันผวนของราคาน้ำมันไว้ เนื่องจากราคาน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูปในตลาดโลก มีการปรับตัวผันผวนสูง จากสถานการณ์ความตึงเครียดของประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของโลก ได้แก่ ปัญหาทางการเมืองการปกครองภายในของประเทศไนจีเรีย และปัญหาระหว่างอิหร่านกับชาติตะวันตกเกี่ยวกับ การทดลองพลังงานนิวเคลียร์ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีกำไรจากสต๊อกน้ำมันจำนวน 462 ล้านบาท ต่ำกว่าช่วง เดียวกันของปีก่อนที่อยู่ที่ระดับ 678 ล้านบาท เนื่องจากไตรมาส 1 ปี 2548 มีการปรับขึ้นของราคาน้ำมัน ตลาดโลก ในอัตราที่สูงกว่าปี 2549 แต่อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันในปีนี้ยังคงมีแนวโน้มแกว่งตัวในลักษณะขาขึ้น ดังนั้นในไตรมาสนี้ บริษัทฯ มีค่าการกลั่นรวมอยู่ที่ระดับ 5.12 ดอลลาร์ สรอ.ต่อบาเรล โดยการใช้กำลัง การผลิตอยู่ที่ระดับ 66 พันบาเรลต่อวัน ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่อยู่ที่ระดับ 69 พันบาเรลต่อวัน 2) บริษัทฯ มีค่าการตลาดอยู่ที่ระดับ 44.4 สตางค์ต่อลิตร สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่อยู่ที่ระดับ 22.7 สตางค์ต่อลิตร ทั้งนี้เป็นผลมาจากในช่วงไตรมาสแรกของปีก่อนราคาน้ำมันในตลาดโลกมีอัตราการปรับขึ้น อย่างรวดเร็วต่อเนื่อง แต่บริษัทฯ ไม่สามารถปรับราคาขายปลีกได้ทันกับต้นทุนที่ปรับตัวสูงขึ้น สำหรับในปี 2549 นี้ราคาน้ำมันสำเร็จรูปในตลาดสิงคโปร์มีการปรับขึ้นในลักษณะแกว่งตัว ทำให้กลไกการปรับราคาสามารถ ทำได้อย่างสอดคล้องกับต้นทุนที่เกิดขึ้น ส่งผลให้ในไตรมาสนี้บริษัทฯ จึงมีค่าการตลาดที่สูงขึ้น 3) ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร จำนวน 371 ล้านบาท ลดลง 3 ล้านบาท เนื่องมาจากค่าใช้จ่ายหนี้ สงสัยจะสูญ ที่ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 4) บริษัทฯ มีดอกเบี้ยจ่าย 158 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 2 ล้านบาทเป็นผลมาจากการ ที่บริษัทฯ มีหนี้สินเงินกู้ยืมเฉลี่ยลดลง แต่ทั้งนี้ก็มีการปรับตัวของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่เพิ่มสูงขึ้นด้วย 5) งบดุลและอัตราส่วนทางการเงิน สรุปได้ดังนี้ ณ 31 มี.ค.49 ณ 31 ธ.ค. 49 (หน่วย : ล้านบาท) (ก่อนสอบทาน) (ตรวจสอบแล้ว) * สินทรัพย์รวม 33,303 34,164 * หนี้สินรวม 19,822 21,294 * ส่วนของผู้ถือหุ้น 13,481 12,870 * สัดส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น,เท่า1/ 0.96 1.05 * มูลค่าตามบัญชีต่อหุ้น,บาท 19.62 18.72 หมายเหตุ 1/ คิดเฉพาะหนี้สินในส่วนที่มีค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย (Interest Bearing Debt) จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ ขอแสดงความนับถือ -ลงนาม- (นายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล) กรรมการผู้จัดการใหญ่ สำนักแผนกิจการและนักลงทุนสัมพันธ์ โทร. 0 -2335-4583