ชี้แจงผลการดำเนินงานปี 2548 (ก่อนตรวจสอบ)

ที่ 1000 / 029 / 2549 27 มกราคม 2549 เรื่อง นำส่งงบการเงินก่อนตรวจสอบ และชี้แจงผลการดำเนินงานปี 2548 เรียน กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สิ่งที่ส่งมาด้วย 1. งบการเงินก่อนตรวจสอบปี 2548 ฉบับภาษาไทย 1 ฉบับ 2. งบการเงินก่อนตรวจสอบปี 2548 ฉบับภาษาอังกฤษ 1 ฉบับ ตามที่บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) ได้มีการจัดส่งงบการเงินก่อนสอบทานและก่อนตรวจสอบ ตามแนวทางการนำส่งงบการเงินก่อนสอบทานและก่อนตรวจสอบโดยผู้สอบบัญชี ของตลาดหลักทรัพย์แห่ง ประเทศไทย นั้น บริษัทฯ ใคร่ขอนำส่งงบการเงินก่อนตรวจสอบโดยผู้สอบบัญชี สำหรับงวดปี 2548 สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2548 และขอชี้แจงผลการดำเนินงานเพิ่มเติม ดังนี้ บริษัทฯ มีรายได้รวม 85,035 ล้านบาท มีกำไรก่อนหักดอกเบี้ยและค่าเสื่อมราคา (EBITDA) +4,572 ล้านบาท มีดอกเบี้ยจ่ายสุทธิ (หักลบดอกเบี้ยรับ) 620 ล้านบาท มีค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย 779 ล้านบาท มีภาษีเงินได้ 277 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทฯ มีผลกำไรสุทธิ 2,926 ล้านบาท (เปรียบเทียบกับปี 2547 มีผลกำไรสุทธิ 2,613 ล้านบาท) ผลการดำเนินการดังกล่าวมีสาเหตุมาจากปัจจัยดังต่อไปนี้ 1) บริษัทฯ มีค่าการกลั่น (ไม่รวมกำไรจากสต๊อกน้ำมัน) 3.59 ดอลลาร์ สรอ.ต่อบาเรล สูงกว่าช่วงเดียวกัน ของปีก่อนที่อยู่ที่ระดับ 1.84 ดอลลาร์ สรอ.ต่อบาเรล เนื่องจากความต้องการใช้น้ำมันของภูมิภาคได้ปรับตัว เพิ่มสูงขึ้นอย่างมากเมื่อเปรียบเทียบกับกำลังการผลิต ส่งผลให้กำลังการผลิตส่วนเกินใกล้หมดไป ค่าการกลั่น จึงมีการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับ ในไตรมาส 3 ปี 2548 โรงกลั่นหลายแห่งในสหรัฐอเมริกาได้หยุด ดำเนินการจากเหตุการณ์พายุเฮอริเคน ส่งผลให้ราคาน้ำมันเบนซินและดีเซลได้ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก ซึ่งส่งผลต่อเนื่องมาสู่ราคาน้ำมันในตลาดสิงคโปร์และค่าการกลั่นในทิศทางเดียวกัน แต่อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันเตาได้ปรับตัวขึ้นในอัตราที่น้อยกว่าน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูปชนิดอื่น ส่งผลให้บริษัทฯ ต้องลด การใช้กำลังการกลั่นลง เพื่อลดปริมาณการผลิตน้ำมันเตาให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมและรักษาระดับ ค่าการกลั่นให้อยู่ในระดับสูง โดยเลือกจำหน่ายเฉพาะในตลาดที่มีกำไร และส่งน้ำมันเตาไปเพิ่มมูลค่า ที่โรงกลั่นไทยออยล์ให้มากที่สุด นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีกำไรจากสต๊อกน้ำมันจำนวน 2,313 ล้านบาท สูงกว่าปีก่อนที่อยู่ที่ระดับ 2,176 ล้านบาท จากราคาน้ำมันได้ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปีก่อน โดยราคาน้ำมันดิบดูไบได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น เฉลี่ยจาก 33.6 ดอลลาร์ สรอ.ต่อบาเรล ในปี 2547 เป็นเฉลี่ย 49.5 ดอลลาร์ สรอ.ต่อบาเรล ในปี 2548 โดยในไตรมาสที่ 3 ที่ราคาน้ำมันได้ปรับตัวสูงขึ้นจนทำสถิติสูงสุดในประวิติการณ์จากเหตุการณ์ พายุเฮอริเคนในประเทศสหรัฐอเมริกา โดยราคาน้ำมันเบนซินและดีเซลเพิ่มสูงขึ้นเป็นกว่า 90 ดอลลาร์ สรอ. ต่อบาเรล และ 80 ดอลลาร์ สรอ.ต่อบาเรล ตามลำดับ ดังนั้น ในปี 2548 บริษัทฯ มีค่าการกลั่นรวมอยู่ที่ระดับ 5.85 ดอลลาร์ สรอ.ต่อบาเรล โดยการใช้กำลังการผลิต อยู่ที่ระดับ 62 พันบาเรลต่อวัน ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีก่อนที่อยู่ที่ระดับ 90 พันบาเรลต่อวัน 2) บริษัทฯ มีค่าการตลาด (ไม่รวมน้ำมันเครื่องบิน) อยู่ที่ระดับ 15.4 สตางค์ต่อลิตร ต่ำกว่าช่วงเดียวกัน ของปีก่อน ที่อยู่ที่ระดับ 43.0 สตางค์ต่อลิตร ทั้งนี้เป็นผลมาจากการปรับราคาขายปลีกได้ช้ากว่าต้นทุน ที่มีการปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็วตามราคาน้ำมันในตลาดโลก แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ มีผลกำไรจากการ ขายน้ำมันเครื่องบิน จำนวน 118 ล้านบาท หรือ 33.8 สตางค์ต่อลิตร ทั้งนี้ ปริมาณการจำหน่ายของธุรกิจการตลาดอยู่ที่ระดับ 53 พันบาเรลต่อวัน ลดลงจากปีก่อนที่อยู่ที่ระดับ 56 พันบาเรลต่อวัน จากการที่บริษัทฯได้เลือกที่จะจำหน่ายในเฉพาะตลาดที่มีกำไรสูงในช่วงที่มีการจำกัดกำลังการผลิต 3) ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร จำนวน 1,623 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 256 ล้านบาท เนื่องจาก ค่าใช้จ่ายหลักที่เพิ่มขึ้น คือ ค่าใช้จ่ายซ่อมบำรุงสถานีบริการเพิ่มขึ้นจากการเร่งปรับปรุงสถานีบริการ เพื่อการจำหน่ายน้ำมันแก๊สโซฮอล์และปรับปรุงภาพลักษณ์ ค่าขนส่งน้ำมันไปยังลูกค้าเพิ่มขึ้นจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ตามราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่ม และค่าโฆษณาประชาสัมพันธ์เพิ่มขึ้นจากการเร่งโฆษณาประชาสัมพันธ์ การจำหน่ายน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 4) บริษัทฯ มีดอกเบี้ยจ่ายสุทธิ 620 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน 148 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากการ ทยอยแปลงสภาพของใบแสดงสิทธิในผลประโยชน์ที่เกิดจากหุ้นกู้แปลงสภาพรวมจำนวน 1,774 ล้านบาท ตั้งแต่ไตรมาส 2 ปี 2547 เป็นต้นมา ประกอบกับ ได้มีการทยอยชำระคืนหุ้นกู้ที่ครบกำหนดชำระที่มีอัตราดอกเบี้ย สูง ด้วยเงินกู้ใหม่จากธนาคารกรุงไทยซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่า จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ ขอแสดงความนับถือ -ลงนาม- (นายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล) กรรมการผู้จัดการใหญ่ สำนักแผนกิจการและนักลงทุนสัมพันธ์ โทร. 0 -2335-4583