SET Announcements
ชี้แจงผลการดำเนินงาน ไตรมาส 2 ปี 2548
ที่ 1000 / 150 / 2548
11 สิงหาคม 2548
เรื่อง นำส่งงบการเงินสอบทานแล้ว และชี้แจงผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2548
เรียน กรรมการและผู้จัดการ
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
สิ่งที่ส่งมาด้วย 1. งบการเงินสอบทานแล้วไตรมาส 2 ปี 2548 ฉบับภาษาไทย 1 ฉบับ
2. งบการเงินสอบทานแล้วไตรมาส 2 ปี 2548 ฉบับภาษาอังกฤษ 1 ฉบับ
ตามข้อบังคับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เรื่องการจัดทำและส่งงบการเงินและรายงาน
เกี่ยวกับฐานะการเงินและผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียน พ.ศ. 2544 ที่กำหนดให้
บริษัทจดทะเบียนจัดทำและส่งงบการเงินรายไตรมาสที่ผู้สอบบัญชีได้สอบทานแล้ว โดยให้จัดส่งภายใน
45 วันนับแต่วันสุดท้ายของแต่ละไตรมาส นั้น
บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) จึงใคร่ขอนำส่งงบการเงินสำหรับไตรมาส 2
สิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2548 ที่ผู้สอบบัญชีได้สอบทานแล้ว และขอชี้แจงผลการดำเนินงานเพิ่มเติม
เนื่องจากมีผลกำไรขาดทุนเปลี่ยนแปลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนเกินร้อยละ 20 ดังนี้
บริษัทฯ มีรายได้รวม 22,096 ล้านบาท มีกำไรก่อนหักดอกเบี้ยและค่าเสื่อมราคา (EBITDA)
+1,647 ล้านบาท มีดอกเบี้ยจ่ายสุทธิ (หักลบดอกเบี้ยรับ) 157 ล้านบาท มีค่าเสื่อมราคาและ
ค่าตัดจำหน่าย 194 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทฯ มีผลกำไรสุทธิ 1,317 ล้านบาท (เปรียบเทียบกับ
ช่วงเดียวกันปี 2547 มีผลกำไรสุทธิ 647 ล้านบาท) ผลการดำเนินการดังกล่าวมีสาเหตุมาจาก
ปัจจัยดังต่อไปนี้
1.บริษัทฯ มีค่าการกลั่น (ไม่รวมกำไรจากสต๊อกน้ำมัน) 3.28 ดอลลาร์ สรอ.ต่อบาเรลสูงกว่า
ช่วงเดียวกันของปีก่อนที่อยู่ที่ระดับ 1.83 ดอลลาร์ สรอ.ต่อบาเรลเนื่องจากราคาน้ำมันดิบและ
น้ำมันสำเร็จรูปได้ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตามสภาวะเศรษฐกิจในภูมิภาคที่ฟื้นตัวและ
ความต้องการใช้น้ำมันเป็นวัตถุดิบในภาคอุตสาหกรรมปิโตรเคมีที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก
แต่อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันเตาได้ปรับตัวขึ้นในอัตราที่น้อยกว่าน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูป
ชนิดอื่น ส่งผลให้ค่าการกลั่นของบริษัทฯ ถูกจำกัดไว้ในระดับหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ค่าการกลั่น
ของน้ำมันดิบจากแหล่งตะวันออกกลางซึ่งถูกจำกัดไว้ที่ระดับต่ำ เนื่องจากเป็นน้ำมันดิบที่ให้ผลผลิต
เป็นน้ำมันเตาส่วนใหญ่ ดังนั้น บริษัทฯ จึงได้ดำเนินการลดการสั่งซื้อน้ำมันดิบจากแหล่ง
ตะวันออกกลางลง เพื่อลดความเสี่ยงจากการขาดทุนจากค่าการกลั่นที่มีโอกาสปรับลดลงและการขาดทุนจาก
สต๊อกน้ำมันหากราคาน้ำมันปรับตัวลดลง ซึ่งส่งผลให้บริษัทฯ มีการลดการใช้กำลังการกลั่นลง
เพื่อรักษาระดับค่าการกลั่นให้อยู่ในระดับสูง
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีกำไรจากสต๊อกน้ำมันจำนวน 967 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน
ที่อยู่ที่ระดับ 553 ล้านบาท จากการที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น
ในไตรมาส 2 ปี 2548 บริษัทฯ มีค่าการกลั่นรวมอยู่ที่ระดับ 6.99 ดอลลาร์ สรอ.ต่อบาเรล
โดยการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ระดับ 65 พันบาเรลต่อวัน ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีก่อนที่อยู่ที่ระดับ
85 พันบาเรลต่อวัน เพื่อรักษาระดับค่าการกลั่น และลดความเสี่ยงจากการมีผลขาดทุนจากสต๊อก
น้ำมันในกรณีที่ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงตามที่ได้กล่าวมาข้างต้น ซึ่งจากการดำเนินการดังกล่าว
ส่งผลให้ธุรกิจโรงกลั่นมีกำไรมากกว่าเป้าหมายที่วางไว้
2. บริษัทฯ มีค่าการตลาด (ไม่รวมน้ำมันเครื่องบิน) อยู่ที่ระดับ 13 สตางค์ต่อลิตร
ต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่อยู่ที่ระดับ 44 สตางค์ต่อลิตร ทั้งนี้เป็นผลมาจากการปรับราคาขาย
ปลีกได้ช้ากว่าต้นทุนที่มีการปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็วตามราคาน้ำมันในตลาดโลก แต่อย่างไรก็ตาม
บริษัทฯ มีผลกำไรจากการขายน้ำมันเครื่องบิน จำนวน 27 ล้านบาท หรือ 0.34 บาทต่อลิตร
3. ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร จำนวน 376 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 72
ล้านบาท เนื่องจากค่าใช้จ่ายหลักที่เพิ่มขึ้นคือ ค่าโฆษณาและประชาสัมพันธ์ ค่าซ่อมบำรุงสถานีบริการ
ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับบุคลากร ค่าใช้จ่ายตัดจ่าย และอื่นๆ
4. บริษัทฯ มีดอกเบี้ยจ่ายสุทธิ 157 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน 23 ล้านบาท
ซึ่งเป็นผลมาจากการทะยอยแปลงสภาพของใบแสดงสิทธิในผลประโยชน์ที่เกิดจากหุ้นกู้แปลงสภาพ
รวมจำนวน 1,426 ล้านบาท ตั้งแต่ไตรมาส 2 ปี 2547 เป็นต้นมา ประกอบกับ
ได้มีการทะยอยชำระคืนหุ้นกู้ที่ครบกำหนดชำระที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงด้วยเงินกู้ใหม่จากธนาคารกรุงไทย
ซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่า นอกจากนี้ ในไตรมาส 2 ปี 2548 บริษัทฯ ได้ลดการใช้วงเงินกู้ระยะสั้นลง
เนื่องจากบริษัทฯ มีเงินได้มาจากกองทุนน้ำมันค้างรับหลังจากที่รัฐประกาศลอยตัวน้ำมันดีเซล
ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าวเป็นผลทำให้มีกระแสเงินสดไหลกลับมายังบริษัทฯ ประกอบกับ มีการลดปริมาณ
การกลั่นขายลง ส่งผลให้ความจำเป็นในการใช้เงินทุนหมุนเวียนลดลง
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ
ขอแสดงความนับถือ
(นายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล)
กรรมการผู้จัดการใหญ่
สำนักแผนกิจการและนักลงทุนสัมพันธ์
โทร. 0 -2335-4583